Tuesday, 24 September 2024

จับตา โควิดพันธุ์ใหม่ JN.๑ แพร่เร็วในสหรัฐฯ-ยุโรป หลบภูมิคุ้มกันมากขึ้น

หน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ กำลังจับตาการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ JN.๑ ที่ว่ากันว่ามันกำลังจะกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักตัวใหม่ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ ๑๙ ธ.ค. ๒๕๖๖ ว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) กำลังจับตาไวรัสโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ชื่อว่า JN.๑ โดยประเมินว่าการติดเชื้อโควิดรายใหม่ในประเทศกว่า ๒๐% เกิดจากเชื้อดังกล่าว และมันกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งผู้ป่วยโควิดกว่า ๑ ใน ๓ ติดเชื้อตัวนี้JN.๑ ถือเป็นหลานของโควิดสายพันธุ์ BA.๒.๘๖ ที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลกเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนามถึง ๓๐ แห่ง จนนักวิทยาศาสตร์กลัวว่า มันจะกลายพันธุ์มากจนหลบการป้องกันจากวัคซีนและภูมิคุ้มกันของร่างกาย และอาจนำไปสู่การระบาดครั้งใหญ่เหมือนกับที่เชื้อโอมิครอนเคยทำในปี ๒๕๖๔อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวไม่เกิดขึ้น แต่เชื้อ BA.๒.๘๖ ก็ยังคงวนเวียนอยู่จนถึงทุกวันนี้ โดยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในบางประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ซึ่งผลการศึกษาบางฉบับชี้ว่า มันไม่ระบาดหนักอย่างที่กลัวเพราะมันอาจสูญเสียความสามารถในการติดต่อกับเซลล์ของมนุษย์ไปบ้างแล้วBA.๒.๘๖ กลายพันธุ์อีก ๒ ครั้งจนกลายไป JN.๑ โดยมีความเปลี่ยนแปลงที่โปรตีนหนามเพียง ๑ ตำแหน่งจากบรรพบุรุษของมัน แต่ดูเหมือนจะมากพอทำให้มันกลายเป็นเชื้อที่แพร่กระจายเร็วกว่าเดิมCDC ประเมินว่า ความชุกของโรค (prevalence) ของเชื้อ JN.๑ ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวระหว่างช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม โดยมีปัจจัยเสริมจากการเดินทางในช่วงหยุดยาววันขอบคุณพระเจ้า และภูมิคุ้มกันที่เริ่มเจือจางลง เนื่องจากมีชาวอเมริกันไปฉีดวัคซีนโควิดรอบล่าสุดเพียง ๑๘% เท่านั้นนักวิทยาศาสตร์ที่คอยติดตามโควิดสายพันธุ์ใหม่คาดว่า JN.๑ จะกลายเป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์หลักตัวต่อไปของโลก “มันชัดเจนแล้วว่า เชื้อตัวนี้กำลังแข่งกับสายพันธุ์ XBB ที่มีอยู่แล้วอย่างดุเดือด และดูเหมือนว่ามันกำลังอยู่บนเส้นทางที่จะกลายเป็นเชื้อสายพันธุ์หลักตัวต่อไปของโลก” ดร. ที. ไรอัน เกรกอรี จากมหาวิทยาลัย กวัลฟ์ (Guelph) ในแคนาดา กล่าวขณะเดียวกัน ผลการศึกษาโดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและในจีนชี้ว่า ความสามารถที่แอนติบอดีของเราจะต่อต้านไวรัสสายพันธุ์ย่อยตัวนี้ ลดลงราว ๒ เท่า ซึ่งถึงแม้จะถือว่าไม่มาก แต่ก็ทำให้มีโอกาสที่มันจะส่งผลให้เกิดระลอกการระบาดใหม่หลายประเทศในยุโรป รวมถึง เดนมาร์ก, สเปน, เบลเยียม, ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ พบเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ JN.๑ พร้อมกับจำนวนผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้น ไวรัสชนิดนี้ยังเติบโตอย่างรวดเร็วในออสเตรเลีย, ทวีปเอเชีย และแคนาดาด้วยแต่ผลการศึกษาล่าสุดจากห้องปฏิบัติการของ ดร. เดวิด โฮ ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ก็มีข่าวดี เนื่องจากพวกเขาพบว่า วัคซีนโควิดตัวล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือไวรัสโควิด-๑๙ ตระกูล XBB ก็มอบการป้องกันที่ดีเมื่อเผชิญกับโควิดสายพันธุ์ BA.๒.๘๖ และสายพันธุ์ย่อยของมัน ซึ่งรวมถึง JN.๑ ด้วยติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : cnn