“เศรษฐา” ย้ำความตั้งใจอยู่ครบ ๔ ปี ลั่น สู้เพื่อความหวังประชาชน ไม่มีอะไรบั่นทอน ยอมรับร่างกายแย่ลง แต่ความอดทนสูงขึ้นเยอะ เผย ไม่โกรธสื่อถามแรง เข้าใจเป็นหน้าที่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า มายังห้องผู้สื่อข่าว ๒ ภายในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชน และได้สอบถามเรื่องการปรับปรุงห้องทำงานผู้สื่อข่าว ก่อนกล่าวยืนยัน ไม่เคยพูดว่าจะย้ายห้องผู้สื่อข่าว แต่ต้องการปรับปรุงใหม่ ทำให้ดีขึ้น ห้องใหญ่ขึ้น สะดวกสบายขึ้น เมื่อถามถึงวันนี้นายกรัฐมนตรีใส่ถุงเท้าสีส้ม ซึ่งแตกต่างจากทุกวันที่ใส่สีแดง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ผมใช้ว่าสีแสด” จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่อ ทำไมถึงชอบสีแสด นายเศรษฐา กล่าวตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน อย่าบิดไปการเมือง เพราะใส่สีแสดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และการใช้สีส้มก็ไม่ผิด ตนชอบใส่สีแดงมากที่สุด แต่มีทุกสี ทั้งสีเขียว สีม่วง สีชมพูก็มี ใส่มานานแล้ว ส่วนการทำงานกับนักข่าวการเมืองไม่ได้มีปัญหา ทุกคนต่างมีหน้าที่ และไม่ได้รู้สึกโกรธเมื่อถูกตั้งคำถามแรง เพราะเข้าใจดีว่าหน้าที่ผู้สื่อข่าวคือการสื่อสาร ไม่ได้มองว่านักข่าวยั่วจนเกินไป ตนไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้มีความรู้สึกภาพลบกับผู้สื่อข่าว อย่างที่บอกทุกคนมีหน้าที่ นักข่าวก็อยากได้สิ่งที่อยากได้ ตนก็อยากทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน tt tttt tttt ttส่วนคำถามว่า นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจจะอยู่ ๔ ปีใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ความตั้งใจผมอยู่ ๔ ปี” เมื่อถามต่อไป คิดว่าต้องสู้เยอะหรือไม่ที่ต้องอยู่ ๔ ปี ได้คำตอบว่า เป็นธรรมดาก็ต้องสู้เยอะ สู้กับตัวเอง สู้กับความคาดหวัง ความต้องการของประชาชน แน่นอนตนสู้อยู่แล้ว ถ้าเราหยุดทำงาน ไม่มีผลงานเมื่อไรมันบ่งบอกถึงจุดจบ อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า เตรียมพลังไว้เต็มที่ สู้ไหวใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “so far so good ก็ยังไหว ไม่มีอะไรที่ทำให้บั่นทอนหรือคิดถอย ไม่มี” ขณะที่ ๓ เดือนที่ผ่านมา รู้สึกตัวเองแก่ลงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ร่างกายแย่ลง แต่ว่ามีความอดทนสูงขึ้นเยอะtt tttt tttt ttผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายเศรษฐา โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ว่า เมื่อค่ำวานนี้ (๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๖) ได้รับประทานอาหารกับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (Dato’ Seri Anwar Ibrahim, Prime Minister of Malaysia) ในโอกาสที่ท่านเยือนไทยแบบส่วนตัวที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งบรรยากาศในการพูดคุยระหว่างรับประทานอาหารเป็นไปอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองมาก เชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และขยายความร่วมมือต่างๆ เพื่อประโยชน์กับประเทศและประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ของเรา.ttttttttttttt
