วันนี้เป็นวันเกิดของ ผู้อำนวยการกำพล วัชรพล ผู้ก่อตั้งอดีตผู้อำนวยการ นสพ.ไทยรัฐ ซึ่งได้รับการยกย่องเป็น “บุคคลสำคัญของโลก” จาก องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ในปี ๒๕๖๒ ในฐานะ ผู้มีบทบาทสำคัญด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชน นับถึงวันนี้ท่านมีอายุ ๑๐๔ ปีพอดี วันเกิด ผู้อำนวยการกำพล ทุกปี พวกเราชาวไทยรัฐรำลึกถึงท่านอยู่เสมอ ในฐานะ นักหนังสือพิมพ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับอำนาจเผด็จการ จนไทยรัฐถูกสั่งปิดไปหลายครั้ง และ เป็นผู้มีวิสัยทัศน์อันยาวไกลที่มองเห็นความสำคัญของการศึกษาของเยาวชนของชาติที่ขาดโอกาสในชนบทห่างไกลผอ.กำพล ได้เริ่มสร้าง โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๑ แห่งแรกขึ้นที่ จังหวัดลพบุรี ในปี ๒๕๑๓ เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กในชนบทที่ห่างไกล ได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษามากขึ้น ผู้อำนวยการกำพล ยังได้ก่อตั้ง มูลนิธิไทยรัฐ ขึ้นมา ดูแลพัฒนาโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทุกแห่งให้มีความก้าวหน้าในทุกมิติ ทั้ง นักเรียน ครูผู้สอน อาหารกลางวัน และ การซ่อมบำรุงรักษาโรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนไทยรัฐวิทยาทุกแห่งสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนจากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านไปกว่าครึ่งศตวรรษ ๕๓ ปี โรงเรียนไทยรัฐวิทยาเจริญเติบโตมีถึง ๑๑๑ โรงเรียน ห้องเรียน ๑,๒๕๘ ห้อง ครู ๑,๒๒๑ คน นักเรียนระดับอนุบาล ๓,๘๖๘ คน นักเรียนระดับประถมศึกษา ๑๓,๙๙๗ คน นักเรียนระดับมัธยมต้น ๔,๙๔๔ คน ระดับมัธยมปลาย ๘๙ คน (โรงเรียนเดียว) รวมนักเรียนในปัจจุบันทั้งสิ้น ๒๒,๘๙๘ คน ยังไม่นับนักเรียนที่จบไปจากโรงเรียนไทยรัฐวิทยาไปแล้วอีกไม่รู้กี่หมื่นคนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาทุกวันนี้พวกเรา ชาวไทยรัฐ และ มูลนิธิไทยรัฐ ก็ยังสืบสานปณิธานเรื่องการศึกษาของ ผู้อำนวยการกำพล วัชรพล ไว้อย่างเหนียวแน่นและตลอดไปปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศไทยวันนี้ ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่อง “การศึกษา” ที่ถูกทุกรัฐบาลทอดทิ้ง ส่งผลให้คนไทยมีประสิทธิภาพต่ำ โปรเจกต์สวยหรูที่รัฐบาลต่างๆคิดทำ ส่วนใหญ่ไปไม่รอด เพราะขาดแรงงานทักษะรองรับ แต่ก็ไม่มีรัฐบาลไหนสนใจฟื้นฟูเรื่องการศึกษาที่ตกต่ำ กลับไปสนใจเรื่อง ค่าแรงขั้นต่ำ การแก้หนี้นอกระบบในระบบ ที่หาเสียงได้ ทั้งที่ต้นเหตุแห่งหนี้ทั้งหลายล้วนมาจากปัญหาการศึกษาที่ล้าหลังทั้งสิ้น จากข้อมูลตามสื่อก็เห็นได้ชัดว่า ผู้มีหนี้นอกระบบส่วนใหญ่เป็นคนยากจนที่ขาดการศึกษา ถูกหลอกได้ง่าย และเป็นผู้ที่ขาดโอกาสในทุกช่องทางประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนของคนจีนกว่า ๑๐๐ ล้านคนได้ในเวลาไม่กี่ปี ก็เพราะ ผู้นำจีนทุ่มเทนำการศึกษาเข้าไปให้กับประชาชนที่ยากจนถึงที่บ้าน ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายขายจำนองที่นา กู้หนี้ยืมสินนอกระบบจนสิ้นเนื้อประดาตัว การแก้หนี้นอกระบบที่รัฐบาลเพื่อไทยทำอยู่ แม้จะได้ผลอยู่บ้าง แต่แก้หนี้อย่างนี้ทำอีก ๑๐-๒๐ ปีก็แก้ไม่สำเร็จ ถ้าไม่แก้ที่ “การศึกษา” เพื่อ “เพิ่มศักยภาพ” ให้กับทุกคนทุกครัวเรือนต้นเหตุที่ทำคนไทยเป็นหนี้กันมากถึง ๙๐% ของจีดีพี มีหนี้กว่า ๑๕ ล้านล้านบาท ล้วนมาจากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทั้งสิ้น เมื่อมีการศึกษาน้อย ก็ทำให้ขาดโอกาสในทุกเรื่อง ช่วงโควิดที่ผ่านมามีการเปิดเผยว่า มีเด็กวัยเรียนหลุดออกไปจากระบบการศึกษากว่า ๑.๕ ล้านคน แม้จะตามน้องกลับมาเรียนได้บ้าง แต่ข้อมูลกระทรวงศึกษาก็ระบุว่า มีเด็กออกกลางคันจำนวนมาก ปี ๒๕๖๕ มีเด็กออกกลางคันกว่า ๑ แสนคนเด็กที่ออกกลางคันส่วนใหญ่ครอบครัวยากจน ต้องออกไปช่วยพ่อแม่ทำงานนี่คือ เรื่องจริงของประเทศไทย ที่ทุกรัฐบาลมองข้าม ถ้าไม่เร่งแก้ที่การศึกษา หนี้ครัวเรือนไทยในอนาคตอาจพุ่งเกิน ๑๐๐% ของจีดีพีก็เป็นไปได้ หนี้ครัวเรือน ๑๕ ล้านล้านบาท คิดดอกเบี้ยแบงก์ชาติ ๒.๕% ก็มีหนี้เพิ่มปีละ ๓๗๕,๐๐๐ ล้านบาทแล้ว ยังไม่นับดอกโหดนอกระบบที่สูงกว่านี้มาก ถ้ารัฐบาลยังแก้ไม่ถูกจุด หนี้ครัวเรือนมีหวังท่วมจีดีพีแน่นอน.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม
Related posts