สื่อมวลชนเป็นกระจกสะท้อนการทำงานภาครัฐ และเป็นธรรมเนียมทุกปีที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลจะตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีโดยปราศจากอคติ มุ่งหวังให้รัฐบาลนำภาพสะท้อนดังกล่าวไปปรับปรุงการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน สำหรับรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่เพิ่งเข้าทำหน้าที่ได้แค่ ๓ เดือนกว่า ทำให้ปีนี้ผู้สื่อข่าวทำเนียบฯตั้งฉายาให้รัฐมนตรีได้น้อยกว่าปีก่อนๆ แต่ทุกฉายาก็สะท้อนภาพอย่างตรงไปตรงมา ลองไปดูกันครับว่าปีนี้มีฉายาอะไรกันบ้างฉายารัฐบาล : แกงส้ม “ผลัก” รวม โดยแกงเป็นคำสแลงที่ใช้แทนความหมายว่าแกล้ง ส้มคือสีของพรรคก้าวไกล ส่วนคำว่า “ผลักรวม” ล้อมาจากคำว่า “ผักรวม” เมนูแกงส้มยอดนิยมประเภทหนึ่ง เมื่อรวมกันแล้วนิยามความหมายในทางการเมือง สะท้อนกระแสสังคมมองพรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้งถูกผลักออกจากการร่วมรัฐบาล ส้มจึงหล่นใส่พรรคอันดับรอง กลืนน้ำลายจัดตั้งรัฐบาล มีลุงก็ไม่เป็นไร ก่อเกิดวาทกรรม “ตระบัดสัตย์” ดังนั้นแกงส้ม “ผลัก” รวมจึงใช้อธิบายปรากฏการณ์การจัดตั้งรัฐบาลที่ว่า ชนะเลือกตั้ง แต่แพ้จัดตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง : เซลส์แมนสแตนด์ “ชิน” ตั้งแต่นายเศรษฐาเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ก็เดินหน้าทำงานทันที โดยเฉพาะการหารายได้เข้าประเทศ มุ่งมั่นตั้งใจ คิดเร็วทำไว เดินสายพกประเทศไทยใส่กระเป๋าไปโรดโชว์จีบนักลงทุนทั่วโลก ประกาศตัวเป็นเซลส์แมนเต็มรูปแบบ แต่ ในทางการเมืองยังถูกมองว่าไม่ใช่นายกฯตัวจริง เงาของคนตระกูลชินวัตรยังปกคลุม เปรียบเสมือนตัวแสดงแทนหรือสแตนด์อิน เพราะเคยหลุดปากขณะออกงานพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯพรรค เพื่อไทยว่า “นายกฯคนไหน มีนายกฯ ๒ คน” อีกทั้งหลายนโยบายก็ถูกวิจารณ์ว่า ต่อยอดมาจากนโยบายเดิมของรัฐบาลนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร(ผมว่าถ้านายกฯอยากเคลียร์ภาพลักษณ์ไม่ใช่ตัวแทนชินวัตร สิ่งแรกที่ควรทำคือสร้างมาตรฐานให้ชัดเจนเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของกรมราชทัณฑ์ อย่าปล่อยให้คำว่านักโทษเทวดามาเขย่าความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม)นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ : รองกอง เป็นรองนายกฯที่นายกฯเชื่อใจ ปล่อยให้ดูแลทุกอย่าง ถูกโยนให้เป็นเจ้าภาพหลักหลายเรื่อง นับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาประมงกลุ่มพีมูฟ ไหนจะงานหลักในกระทรวง ปัญหาของแพง ราคาอ้อยน้ำตาล อีนุงตุงนัง กองสุมอยู่รอบตัว เหมือนลองกอง ผลดก พวงยาว กิ่งใหญ่(รับภาระงานมากไปจนขับเคลื่อนเนื้องานช้า แถมบางครั้งยังขัดแย้งกับกระทรวงอื่น ผมว่าแทนที่จะได้ผลงาน กลับกลายเป็นยื้อปัญหา) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม : พลิกทินสู่ดาว จากพลเมืองเต็มขั้น เคยรับเงินเดือนครู หลงใหลในดนตรีหมอลำ ผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมือง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกองทัพนอกจากนามสกุลคลังแสง ขนาดเจ้าตัวยังไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตนี้จะได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกลาโหม แต่ด้วยบุคลิกสุภาพ ใจเย็น มืออ่อน จึงเข้าได้กับทหารทุกกรมกอง พลิกชีวิตลูกอีสานสู่ดาวเจิดจรัสเฉิดฉาย ท่ามกลางเหล่าทัพได้อย่างแนบเนียนพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม : ทวี สอดไส้ แม้จะไม่โดดเด่นในการบริหารราชการช่วง ๓ เดือนแรก แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร หลังเดินทางกลับมารับโทษ ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาใน รพ.ตำรวจ ทำให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียวนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย : มาเฟียละเหี่ยใจ นักการเมืองชื่อดังแห่งจังหวัดอุทัยธานี ประวัติโลดโผน ภาพจำพัวพันวงการนักเลง ถูกประทับตรามาเฟีย แต่ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ เป็นโต้โผปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่ยังไม่ทันได้สร้างผลงาน ลูกเขยก็สร้างเรื่องเสียก่อน ถูกจับกุมข้อหาเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมา ทำเอาเก้าอี้รัฐมนตรีร้อนระอุ เปิดแถลงข่าวภายใน ๒๔ ชั่วโมง สั่งลูกเขยยื่นใบลาออกทันที ไม่ต้องรอสอบสวนวาทะแห่งปี : “ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” เป็นคำพูดที่นายกฯประกาศเมื่อวันที่ ๒๓ ส.ค. หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกฯ จะเป็นรัฐบาลที่ทุ่มเททำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน ซึ่งนักข่าวพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง ตามนายกฯ ๓ เดือนเหมือน ๓ ปี ให้สัมภาษณ์ทุกที่ที่มีโอกาส ถึงไม่เห็นหน้าก็มาทางโซเชียล ค่ำคืนไม่พักผ่อน โพสต์ประเด็นร้อนทันใจ(การได้นายกฯขยันย่อมเป็นเรื่องดี แต่ผลชี้วัดที่สำคัญอยู่ที่ทำให้ประชาชนมีความผาสุกอยู่ดีกินดีได้หรือเปล่า)ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม
Related posts