Thursday, 19 December 2024

ทำไมผู้ชนะกลายเป็นผู้แพ้

แม้แต่ระดับผู้นำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ไม่เชื่อผลการสำรวจความเห็นของตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศครั้งล่าสุดของนิด้าโพล เมื่อถามถึงคนที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ร้อยละ ๓๙.๔๐ ระบุชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตามด้วยนายเศรษฐา ทวีสิน ๒๒.๓๕% หาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ๑๘.๖๐%รองลงไปได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ ๕.๗๕% นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ส่วนพรรคที่มีคะแนนนิยมสูงสุดคือ พรรคก้าวไกล ได้ ๔๔.๐๕%มีเสียงวิจารณ์จากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ว่า เสียงเชียร์ให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่แปลกอะไร การสำรวจขึ้นอยู่กับว่าใครสำรวจ แสดงว่าไม่เชื่อนิด้าโพลของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ที่คนทั่วไปยอมรับ เช่นเดียวกับคนบางกลุ่มที่ตั้งคำถามว่า “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร”ขณะเดียวกัน คนที่ไม่ชอบพรรคก้าวไกลก็คอยจ้องว่าวันนี้ “จะด่าพรรคก้าวไกลด้วยเรื่องอะไร” ตามอคติทางการเมือง ที่เชื่อว่าก้าวไกลอยู่ในขาลง หลังจากแก้เกมการเมือง เรื่องการเลือกนายก รัฐมนตรียับเยิน ต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่เป็นผู้ชนะเลือกตั้งได้ สส.มากที่สุด จากนั้นมีแต่เรื่องเสื่อมเสียเช่น สอง สส.ชายถูกพรรคขับไล่ เรื่องคุกคามทางเพศ สส.หญิงถูกศาลพิพากษาจำคุก ในความผิด ม.๑๑๒ แต่นิด้าโพลกลับพบว่าพรรคก้าวไกลยังมีคะแนนนิยมเป็นอันดับหนึ่ง แม้แต่การเลือกตั้งกรรมการกองทุนประกันสังคม เป็นครั้งแรก คณะก้าวหน้าซึ่งเป็นผู้สนับสนุนก้าวไกลก็เป็นผู้ชนะ หมายความว่าอย่างไรหมายความว่าคนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เหม็นเบื่อการเมืองนํ้าเน่าที่มักถือว่าการเมืองเป็นธุรกิจ ต้องลงทุนซื้อ สส.กันอย่างมโหฬาร จึงต้องถอนทุน พร้อมกำไรและดอกเบี้ย ขณะที่พรรคก้าวไกลประกาศนโยบายการเมืองใหม่ การเมืองสะอาด มุ่งประโยชน์ประชาชน และปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆเชื่อว่าการเมืองหลังปีใหม่ ๒๕๖๗ จะเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ที่เคยกอดคอเป็นพันธมิตร เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง แต่เนื่องจากพรรคก้าวไกลเป็นคนรุ่นใหม่ ตามไม่ทันเกมการเมืองแบบเก่า ทำให้ผู้ชนะกลายเป็นผู้แพ้ ต้องตามดูกันต่อไป การเมืองใหม่จะใช้กับประเทศ ไทยได้หรือไม่.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม