Tuesday, 19 November 2024

เรื่องจริงแต่เจ็บ

เป็นปกติก่อนปีใหม่ของทุกๆปี “นักข่าว” ประจำทำเนียบรัฐบาลจะมีการตั้งฉายารัฐบาลแบบ “หยิกเล็ก ก็เจ็บเนื้อ” แต่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพราะทำงานร่วมกันแต่คนละหน้าที่เท่านั้นในฐานะ “สื่อ” ที่ต้องรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทั้งระบบเพื่อให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งเป็นภารกิจและหน้าที่อย่างหนึ่งแต่ต้องอยู่บนฐานของข้อเท็จจริงและความถูกต้องด้วยความรับผิดชอบและจรรยาบรรณดังนั้น “นักข่าว” กับ “รัฐมนตรี” และ “นายกรัฐมนตรี” จึงมีความคุ้นเคย แต่จะสนิทสนมกันมากน้อยแค่ไหนก็เป็นเรื่องแต่ละบุคคลนี่ว่ากันถึงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจในแต่ละปีจึงมีการตั้งฉายาไล่ตั้งแต่รัฐบาล นายกรัฐมนตรี คมวาทะต่างๆ แล้วแต่ที่ประชุมของนักข่าวจะคิดและมีมติออกมาใครได้รับคำชมก็พอใจใครที่โดนหนักหน่อยก็ตุ๊บป่อง…ก็เป็นอย่างนี้ แต่เหนืออื่นใดต่างๆล้วนเป็นการสะท้อนภาพไม่ต่างจากกระจกเงาบานใหญ่ปี ๖๖ นี้ฉายารัฐบาลคือ แกงส้ม “ผลัก” รวม นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” คือ “เซลส์แมนสแตนด์ชิน”วาทะแห่งปีคือ “ผมทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”“รองกอง” คือสมญาของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรัฐมนตรีพาณิชย์“พลิกทินสู่ดาว” สมญาของ “สุทิน คลังแสง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม“ทวีสอดไส้” สมญา “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม“มาเฟียละเหี่ยใจ” สมญาของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยปีนี้มีจำนวนเท่านี้คงเนื่องมาจากรัฐบาลเพิ่งเริ่มต้นทำงานแค่ ๓ เดือนกว่าๆ จึงเลือกเฉพาะเท่าที่มีบทบาททางสังคมเด่นกว่าคนอื่นๆแน่นอนว่ารัฐบาลชุดนี้มีที่มาที่ไปที่ประหลาดสักหน่อย เพราะ “เพื่อไทย” ไม่สามารถชนะการเลือกยืนที่ ๑ ได้เนื่องจาก “ก้าวไกล” มาแรงแซงโค้งอีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้อำนาจวุฒิสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้การจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องผสมสูตรให้ลงตัวจึงจะไปด้วยกันได้“ก้าวไกล” พรรคที่ ๑ จับมือกับ “เพื่อไทย” เพื่อตั้งรัฐบาลโดยพยายามชี้ให้สังคมเห็นว่าประชาชนมอบฉันทามติให้ แต่ก็ไปไม่รอดเมื่อ “ก้าวไกล” มีจุดยืนที่จะแก้ไข ม.๑๑๒ สุดท้ายก็โดน สว.คว่ำกลางสภา “เพื่อไทย” จึงแยกร่างไปร่วมกับพรรคการเมืองอื่นตั้งรัฐบาล ๑๑ พรรค ๓๑๔ เสียงจำเป็นต้องเอาพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ แม้ระหว่างหาเสียงประกาศว่า “มีเราไม่มีลุง” เพียงแต่ใช้วาทกรรมบอกว่าเป็นการสร้างสลายขั้วการเมืองตั้งรัฐบาลพิเศษตรงนี้คือที่มาของฉายารัฐบาลคือ “แกงส้มผลักรวม”ฉายาของนายกรัฐมนตรีนั้นชัดเจน “เซลส์แมนแสตนด์ชิน” ก็ไม่ต้องอธิบายความ มันชัดเจนอยู่แล้วแต่ที่ชัดเจนยิ่งกว่าก็คือฉายาของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่ว่า “มาเฟียละเหี่ยใจ” เพราะมันตรงเป้าที่สุด“ชาดา” เป็นใครมาจากไหนก็รู้กันอยู่ เพราะถูกเรียกขานว่า “เจ้าพ่อสะแกกรัง” ที่มีอิทธิพลรับรู้กันไปทั่วแต่ได้รับมอบหมายได้รับผิดชอบ “ปราบผู้มีอิทธิพล” ทั่วประเทศมันจึงดูขัดกันพิลึกไม่ต่างไปจากต้องคัดใจ “ปราบพวกเดียวกันเอง” เท่าใดนักปีๆหนึ่งก็มีอะไรพวกนี้ให้ได้ครื้นเครงกันบ้าง!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม