Saturday, 21 September 2024

บุคคลการเมืองแห่งปี ๒๕๖๖ "ทักษิณ ชินวัตร" ผู้กำหนดเกมการเมือง

ปฏิทินหน้าสุดท้าย นับถอยหลังปีเก่าเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่ศักราชใหม่เป็นธรรมเนียมนิยมที่จะได้สรุปปรากฏการณ์ในรอบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการสรรหาบุคคลผู้มีความโดดเด่นในด้านต่างๆ แบบที่สื่อระดับโลกอย่างนิตยสารไทม์ได้ประกาศคัดเลือกบุคคลแห่งปีให้เป็นที่ฮือฮา ในฐานะผู้ทำให้เกิดแรงจูงใจในเชิงสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในมุมบวกและมุมลบ เป็นที่ประจักษ์ต่อมวลมนุษยชาติโดยไม่ได้เจาะจงต้องเป็นชาติมหาอำนาจหรือประเทศโลกที่สามที่จะได้รับเลือกเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพหรืออาชญากรสงครามใครที่มีบทบาทเด่นระดับโลก ก็ขึ้นปกบุคคลแห่งปีนิตยสารไทม์ได้หมดในส่วนของ “ทีมการเมืองไทยรัฐ” ก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาตลอด โดยการคัดเลือก “บุคคลการเมืองแห่งปี” มาต่อเนื่องไม่ได้หยุดพักตามจังหวะสะดุดห้วงเผด็จการหรือประชาธิปไตยเพราะตามนิยาม ผู้ได้รับเลือกเป็นบุคคลการเมืองแห่งปี โดยการลงมติของ “ทีมการเมืองไทยรัฐ” ไม่ได้หมายความว่า เขาหรือเธอผู้นั้นต้องเป็นนักการเมืองที่วิเศษวิโส เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม เปี่ยมไปด้วยจริยธรรมคุณงามความดีหรือมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ฝีมือบริหารยอดเยี่ยม เชี่ยวชาญการเมืองประดุจ “เซียนเหยียบเมฆ” ในสายตาผู้คนในสังคมเท่านั้นแต่ “บุคคลการเมืองแห่งปี” ในนิยามของเรา หมายถึง บุคคลและไม่จำกัดที่จะรวมถึงคณะบุคคลที่มีบทบาท มีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเกมอำนาจ สร้างสีสันฉูดฉาด มีพลังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นให้เกิดกับการเมืองในประเทศไทยอย่างเด่นชัดจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรืออยู่นอกสภา ก็ได้ทั้งนั้นอย่างไรก็ตาม ต้องสารภาพกันตรงๆเลยว่า เป็นการตัดสินใจยากมากในการคัดสรรบุคคลการเมืองแห่งปี ๒๕๖๖ ของทีมการเมืองไทยรัฐเราต้องใช้เวลาถกเถียงกันเป็นเวลานาน กว่าจะเคาะโต๊ะได้นั่นก็เพราะมีตัวเลือกหลายคนที่อยู่ในข่าย ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ปีของการเลือกตั้งใหญ่ หัวเลี้ยวหัวต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจแต่ละคนโดดเด่นตามโอกาสในเกมชิงธงผู้นำรัฐบาลtt ttไล่ตั้งแต่แชมป์ตัวยืนอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตัดสินใจกระโดดลงสนามเลือกตั้งเต็มตัวด้วยสถานะของเบอร์หนึ่งในบัญชีแคนดิเดตนายกฯของค่ายรวมไทยสร้างชาติ เพื่อโอกาสลุ้นแฮตทริก เบิ้ลเก้าอี้นายกฯรอบสามตามจังหวะปะทะกับแรงต้านอำนาจทหารเฒ่า ๓ ป. และก็ฝ่ากระแสคนรุ่นใหม่ไม่ได้ ค่ายรวมไทยสร้างชาติแพ้เลือกตั้งแบบกระจุยทำให้น้องเล็กทีม ๓ ป. ตัดสินใจแขวนนวม ประกาศอำลาสนามการเมืองอย่างเป็นทางการ “บิ๊กตู่” โดดเด่นแค่ในสถานการณ์ห้วงปลายอำนาจเท่านั้นตรงกันข้ามกับ “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลที่กระแสพีกสวนทางขึ้นมาในฐานะผู้นำหนุ่ม ความหวังคนรุ่นใหม่โชว์ฟอร์มนำทัพชนะเลือกตั้งพลิกล็อกถล่มทลาย กลายเป็น “ตัวเต็ง” นายกรัฐมนตรี ณ นาที ที่รู้ผลการนับคะแนนทั่วประเทศอย่างไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกลกวาดเก้าอี้ สส.มากเป็นอันดับหนึ่ง“พิธา” โดดเด่นสุดๆกับการนำแห่ “รัฐบาลแห่งความฝัน”  ถึงขั้นที่กองเชียร์พรรคก้าวไกล เหล่า “ด้อมส้ม” พากันเรียก “นายกฯพิธา” จนฮิตติดปากแต่นั่นก็แค่ ๕-๖ เดือนที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลนำทัพเลือกตั้งเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคเพื่อไทย และพรรคเล็กฝ่ายประชาธิปไตยมีเสียงเกินครึ่งสภาฯแต่รวมแต้มแล้วเสียงไม่พอฝ่าด่านอรหันต์  “สว.ลากตั้ง”“พิธา” ได้สิทธิโหวตในสภาแค่รอบเดียว หลังจากนั้นก็ต้องเจอวิบากกรรมปมถือหุ้นสื่อไอทีวี ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.รออยู่ข้างสนาม ยังเป็นได้แค่ “นายกฯในฝันของด้อมส้ม”tt ttชื่อของ “พิธา” ลดความร้อนแรงไป ในจังหวะที่พรรคเพื่อไทยปฏิบัติการแหกขั้วฝ่ายประชาธิปไตยไปจับมือกับฝ่ายอนุรักษ์ ขบวนหนุนอำนาจ ๓ ป. ยอมโดนด่าตระบัดสัตย์ จัดตั้งรัฐบาลสูตรพิสดารและก็สามารถผลักดันชื่อของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ ๒ ของพรรคขึ้นแท่นนายกฯ คนที่ ๓๐ ของประเทศไทย ได้เป็นผลสำเร็จถึงแม้จะไม่สง่างาม ไม่ถูกใจฝ่ายประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ได้ผิดกติกาแน่นอน การขึ้นแท่นผู้นำประเทศไทย ในฐานะเบอร์หนึ่งฝ่ายบริหาร นายเศรษฐาน่าจะได้เป็นบุคคลการเมืองแห่งปี ๒๕๖๖ ตามสถานะนายกรัฐมนตรีที่โดดเด่นโดยอัตโนมัติแต่ทีมการเมืองของเรา ไม่ได้มองชั้นเดียว ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์เกมอำนาจการเมืองที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน โดยเฉพาะนิยาม ต้องเป็น “ผู้มีอิทธิพลในการสร้างความเปลี่ยนแปลง”ย้อนเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ ก่อนที่นายเศรษฐาจะได้รับการลงมติจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงเย็นช่วงเช้าวันเดียวกันมีเหตุการณ์สำคัญที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย นาทีที่ล้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวแตะรันเวย์ท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมกับการปรากฏตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเหยียบแผ่นดินแม่เป็นครั้งแรกในรอบ ๑๕ ปีในฐานะนักโทษหลบหนีคดี เดินทางออกนอกประเทศ ไทยด้วยการอ้างไปดูกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๑“ทักษิณ” กลับไทยจริง จากที่บอกจะกลับแล้วไม่กลับมา ๑๘ ครั้งและเป็นจังหวะต่อเนื่องกับ “ดีลลับ” ตามภาพข่าวที่ “นายใหญ่” ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย บินไปปักหลักที่โรงแรมดังฝั่งเกาลูน ฮ่องกง ในห้วงขั้วการเมืองพลิกไปพลิกมาสถานการณ์เพื่อไทยได้สิทธิเป็นแกนนำจัดรัฐบาลสายการบินทุกสายมุ่งสู่ฮ่องกง พรรคร่วมรัฐบาล ทีมอำนาจ ๓ ป. แย่งกันตีตั๋ว ทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ประชาธิปัตย์ไม่เว้นแม้แต่ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หัวขบวนใหญ่กองทัพก้าวไกล ก็ดอดไปร่วมวงเจรจาก่อนกดปุ่มไฟเขียวนายกฯ ตัวสูงๆ รัฐบาลข้ามขั้วสูตรพิสดารtt ttสะท้อนความเป็น “ศูนย์อำนาจ” ปฏิเสธไม่ได้ นายทักษิณคือผู้มีบทบาทสำคัญต่อการก่อกำเนิดรัฐบาลผสมพรรคเพื่อไทย หลังห่างหายไปกว่า ๙ ปี ที่โดนขั้วอำนาจทหารเฒ่า ๓ ป. โค่นกระดาน“นายใหญ่” ชิงอำนาจรัฐกลับมาอยู่ในกำมือจากความพยายามอย่างไม่ลดละ ที่จะกลับบ้านอย่างเท่ๆด้วยเหลี่ยมเก๋าโคตรเซียนการเมือง นักการตลาดตัวพ่อ ที่เกาะกระแส มีส่วนร่วมกับเกมอำนาจการเมืองตลอดเวลาแม้อยู่แดนไกลอาศัยความเป็นอัศวินดิจิทัลยุคบุกเบิก เชี่ยวชาญการสื่อสาร ไม่เคยตกเทรนด์ใหม่ ตั้งแต่การโฟนอินพัฒนา การมาจนถึงการใช้แอปพลิเคชันตามเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม คลับเฮาส์ ฯลฯชื่อของ “ทักษิณ” ไม่เคยหายไปจากกระดานการเมืองไทยและก็เป็นผู้นำระดับสูงของไทยที่ลี้ภัยต่างประเทศแล้วได้เดินทางกลับบ้าน ไม่ได้ไปแล้วไปลับ อย่างที่โดนฝ่ายต่อต้านสาปส่งที่สำคัญอดีตนายกฯทักษิณ ในฐานะผู้ต้องหาหลบหนีคดี ถูกนำตัวเข้าอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่ทันข้ามคืน ก็ได้สิทธิผู้ป่วย นักโทษสูงอายุ นอนรักษาตัวอยู่ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจพร้อมยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ก่อนได้รับการพระราชทานอภัยลดโทษ จากที่โดนตัดสินจำคุก ๘ ปี จาก ๒–๓ คดี ลดเหลือจำคุกแค่ ๑ ปี“เพื่อจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชนสืบไป”นัยความหมายพิเศษ ที่คนในวงอำนาจแปรสัญญาณได้ เอาเป็นว่า ตามเงื่อนไขสถานการณ์ไม่ได้ผิดจากความตั้งใจของ “ทักษิณ” ที่ประกาศตลอดว่า จะกลับบ้านอย่างเท่ๆไม่ต้องติดคุก เพราะไม่ได้ทำผิด เป็นคดีการเมือง โดนกลั่นแกล้งtt ttตรงกันข้ามกับแรงต้านของขบวนการหมั่นไส้ ที่ทำได้แค่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย นำม็อบกะปริดกะปรอย บุกกระตุกนักโทษวีไอพีกันเป็นพักๆ น้ำหนักไม่ได้กระเทือนถึงคนป่วยชั้น ๑๔สวนทางกับสัญญาณคลื่นความถี่สูงที่ส่งตรงถึงพรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรี สส.พรรคเพื่อไทย เป็นที่รับรู้กันคำตัดสินจากชั้น ๑๔ ถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันกับรัฐบาลเพื่อไทยด้วยฟอร์มอมตะในเกมอำนาจ ที่คนอื่นยากจะเลียนแบบได้ “ทีมการเมืองไทยรัฐ” จึงลงมติยกตำแหน่งบุคคลการเมืองแห่งปี ๒๕๖๖ ให้ “ทักษิณ ชินวัตร”แบ็กอัปอำนาจ ตัวจริง เสียงจริง.“ทีมการเมือง”อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่