ปีใหม่! พุทธศักราช ๒๕๖๗ ก็ได้ มาถึงแล้วเป็นปีแห่งความหวังของแต่ละคนว่าจะได้มีชีวิตที่สดใส มีชีวิตที่รุ่งเรือง มีความสุขกายสบายใจกันไปตลอดทั้งปี ไม่มีภัยพาลใดๆมาก่อให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนหรือความเสื่อมเสียให้กับตนเองและครอบครัวนับรวมไปถึงหน้าที่การงานที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ แต่ความหวังจะเกิดขึ้นหรือมีขึ้นนั้นจะต้องมี “เหตุ” และ “ผล” เกี่ยวเนื่องกัน ถ้าเหตุดีแล้วผลก็ย่อมจะดีติดตามมา ในขณะเดียวกันถ้าเหตุไม่ดีผลที่จะติดตามมาย่อมไม่ดีเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงควรมาสร้างหรือทำแต่เหตุที่ดีให้มาเป็นพื้นฐานของชีวิตและความสุขความสำเร็จ“พระครูจินดาสุตานุวัตร” หรือ พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกว่า “ความสุข”…คือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขคือความสบายกาย สบายใจ มีความปลอดโปร่งทั้งกาย…ใจ มีร่างกายสมบูรณ์ครบ ๓๒ …สุขภาพพลานามัยดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนทางพระเรียกว่า “กายิกสุข” แต่ถ้าเป็นความสุขด้านจิตใจไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจ นึกคิดถึงสิ่งใดก็ปลอดโปร่ง มีอารมณ์ที่เบิกบานอยู่เสมอจิตใจสงบ ระงับความโลภโกรธหลง ทางพระเรียกว่า “เจติกสุข”“ปีใหม่เช่นนี้จึงควรเสาะแสวงหาความสุขทั้งสองด้านคือความสุขทางร่างกายและจิตใจ”“ปีใหม่”…เราเดินทางออกจากบ้านหรือออกจากครอบครัวไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตัวของเราและครอบครัวตามความเชื่อ…ความศรัทธาส่วนบุคคล“การบูชา”…เป็นการแสดงออกถึงความนอบน้อม เคารพ นับถือยกย่อง…เชื่อฟังแล้วพร้อมที่จะปฏิบัติตามด้วยจิตใจที่เทิดทูนบุญคุณหรือคุณงามความดีไว้อย่างสูงสุด การบูชาด้วยการนำเอาสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค ดอกไม้ ธูปเทียนหรือปัจจัยสี่ไปบูชาด้วยความเคารพเรียกว่า “อามิสบูชา” คือการบูชาด้วยสิ่งของtt ttแต่ถ้าเป็นการบูชาด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำพร่ำสอนคำตักเตือนด้วยความเคารพที่จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเรียกว่า “ปฏิบัติบูชา” คือบูชาด้วยการปฏิบัติ พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญการปฏิบัติบูชาว่าเป็นสิ่งเลอเลิศ ประเสริฐกว่าการบูชาอย่างอื่น เพราะจะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่ผู้บูชาได้ตลอดไปคนเราจะหันหน้าไปทางทิศใดก็ย่อมมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนของสังคม เราจะปฏิเสธการเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนอื่นคงไม่ได้ เพราะมนุษย์เป็น “สัตว์สังคม” ที่การดำรงชีวิตต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งจึงจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข ดังนั้นปีใหม่ก็ไม่ควรมองข้ามสิ่งที่อยู่รอบกายของเรานับตั้งแต่ทิศเบื้องหน้าซึ่งถือว่าเป็น “บิดา” และ “มารดา” ผู้เป็นผู้ให้กำเนิดเรามา ท่านเป็นผู้มีอุปการคุณแก่เรามาก่อนคนอื่น ท่านเลี้ยงดูให้อาหารให้ความรักความอบอุ่นให้ชีวิตและให้อนาคตที่ดีแก่เรามาถึงแม้ว่าเราจะมีชีวิตที่ตกต่ำย่ำแย่เพียงใด ท่านก็ยังถือว่าเรายังเป็นบุตรของท่านอยู่ตลอดเวลาท่านไม่ยอมทิ้งเราไปจนกว่าชีวิตท่านจะหาไม่ ทางพระจึงเรียกว่า “ปุรัตถิมทิส” คือทิศเบื้องหน้าเมื่อคนเราเจริญเติบโตขึ้นมาย่อมเข้าสู่สถานศึกษาเรียนรู้วิชาการและวิถีดำรงชีวิต คนที่แนะนำพร่ำสอนจึงถือว่าเป็น “ครูบาอาจารย์” ผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ รวมถึงพร่ำสอนให้เรารู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ สิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ ท่านสอนวิชาการให้กับเราต่อจากบิดา…มารดาจึงเปรียบเสมือนท่านเป็นทิศเบื้องขวา ทางพระเรียกว่า “ทักขิณทิส”อีกทั้งชีวิตของเราเมื่อเติบโตขึ้นมาก็ย่อมมีครอบครัว สามีภรรยาบุตรจะช่วยกันประคับประคองสร้างความสุข…ความเจริญก้าวหน้าให้กับครอบครัว จึงเป็นทิศเบื้องหลังที่จะคอยผลักดันให้ประสบความสำเร็จผู้อยู่เบื้องหลังที่ว่านี้ ทางพระเรียกว่า “ปัจฉิมทิส”แล้วก็มาถึงการคบหาสมาคมกับผู้คนในสังคม ทุกวันนี้มีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์เป็น “สัตว์สังคม”…โบราณเคยกล่าวไว้ว่า “คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ” หมายความว่าถ้าจะคบหาสมาคมกับบุคคลใดก็ควรจะดูหน้าเอาไว้บ้าง แต่ทุกวันนี้อาจจะไม่แน่นอนเสียแล้ว“…ดูหน้าเพียงอย่างเดียวก็จะใช้ไม่ได้ บางคนหน้าเนื้อแต่ใจเสือก็มีให้เห็นมาแล้ว จะซื้อเสื้อผ้านำไปใช้ก็ต้องดูเนื้อผ้าเอาไว้บ้าง จะชอบเพียงความสวยงามอย่างเดียวก็คงไม่ได้ ถ้าเนื้อผ้าดีและคงทนก็จะเป็นประโยชน์ในการใช้สอยในระยะยาว การคบมิตรหรือคบเพื่อนยิ่งมีความจำเป็นที่สุดในชีวิต”tt ttดังโบราณว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” นั่นหมายถึงถ้าคบคนที่ไม่ดีก็ย่อมนำชีวิตของเราไปสู่ความทุกข์ความเดือดร้อนและความล้มเหลวในชีวิต แต่ถ้าคบหาสมาคมกับบุคคลที่เป็นบัณฑิตหรือผู้ที่เป็นนักปราชญ์เรียกง่ายๆว่าคบคนดี มีแต่จะนำพาตัวเราไปสู่ความสุข ความสำเร็จมิตรสหายหรือเพื่อนฝูงไม่ว่าจะอยู่ในสังคมใดระดับใดก็ตาม ก็ยังมีความจำเป็นที่เราจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงถือว่าเป็นทิศเบื้องซ้ายทางพระเรียกว่า “อุตตรทิส”บุคคลอีกกลุ่มหนึ่งที่จะคอยเป็นผู้สนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจหรือหน้าที่การงานของเรานำไปสู่ความสำเร็จ ความเรียบร้อย ความสวยงาม เราต้องพึ่งพาอาศัยพวกเขาอย่างต่อเนื่องนั่นคือคนรับใช้ คนช่วยงาน คนช่วยเก็บงานต่างๆ เราจึงควรให้ความสำคัญและให้ความใส่ใจในชีวิต…ความเป็นอยู่ของบุคคลเหล่านั้นขอให้ทุกท่านได้ตระหนักตามคำโบราณที่ว่า “นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน จะขึ้นสู่ที่สูงได้อย่างไร?” ดังนั้นบุคคลดังกล่าวได้กลายเป็นทิศเบื้องต่ำ ทางพระเรียกว่า “เหฏฐิมทิส”พระมหาสมัย ย้ำว่า เรามักนำเอาสิ่งที่เคารพและบูชาขึ้นมาอยู่ที่สูงอย่างเช่นเราเคารพบูชาพระพุทธองค์ เคารพบูชาพระภิกษุสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งรวมถึงนำเอารูปบิดามารดาหรือบรรพชนของเรา ขึ้นไปตั้งไว้บนหิ้งพระหรืออยู่ที่สูงของอาคารบ้านเรือน ความศรัทธาเลื่อมใสในสิ่งใดย่อมจะกลายเป็น“พลัง” ผลักดันให้เกิดสิ่งที่ดี“พลังที่ว่านี้…จะก่อให้เกิดความมุ่งมั่นความเพียรพยายามขึ้นมาในชีวิต เชื่อในสิ่งใดและศรัทธาในสิ่งใดแล้วจะเกิดความแน่วแน่ในการขวนขวายให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ถึงแม้ว่าจะพบกับอุปสรรคหรือความยากลำบากเช่นใดก็ตาม”อย่างเช่นเมื่อเกิดความเชื่อ ความศรัทธาใน “พระรัตนตรัย” คือ…พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วน้อมนำความเชื่อความศรัทธานี้สร้างแต่สิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับชีวิต ขยันทำมาหาเลี้ยงชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ผิดศีลธรรม ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่ผิดกติกาและมารยาททางสังคม หนักก็เอาเบาก็สู้ไม่ท้อtt ttเมื่อล้มไปแล้วก็ลุกขึ้นมาต่อสู้อีก เมื่อผิดพลาดไปแล้วก็แก้ไขให้ถูกต้อง มีความเพียรพยายาม มานะบากบั่นจนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการงานนั้นๆ นี่คือการบูชาสิ่งที่เคารพและนับถือแล้วมุ่งมั่นไปสู่ความดีและความสำเร็จ เป็นการบูชาทิศเบื้องบน ทางพระเรียกว่า “อุปริมทิส”บุคคลใดก็ตามที่แสวงหาความสุขทั้งทางกาย…ทางใจแล้วบูชาให้ถูกต้องและถูกทางทั้งสองประเภทมองไปรอบๆตัวเองด้วยการเข้าใจ การยอมรับว่าชีวิตของเรามิได้อยู่เพียงลำพังคนเดียว เรายังใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนร่วมโลก ทั้งเป็นมนุษย์และสัตว์ดิรัจฉาน มีชีวิตอยู่ด้วยการรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน…ให้โอกาส ให้อภัยซึ่งกันและกัน ผ่อนหนักให้เป็นเบาและจากผ่อนเบาให้กลายเป็น “มิตรภาพ” เชื่อมั่นได้เลยว่าปีใหม่พุทธศักราช ๒๕๖๗นี้…ความสดใส ความรุ่งเรือง ความสุขกาย ความสบายใจก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตนั้นๆและสังคมนั้นๆอย่างแน่นอน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า ๑” เพิ่มเติม
Related posts