มติ ครม. เห็นชอบและรับทราบ ๒ มาตรการ ปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสินค้าสุรา และกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ พร้อมปรับปรุงหลักเกณฑ์ VAT Refund ส่งเสริมไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและใช้จ่ายวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบและรับทราบ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอชุดมาตรการ จำนวน ๒ มาตรการ ส่งเสริมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ทั้งนี้ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นนโยบายสำคัญของ ครม. ที่ได้แถลงต่อรัฐสภา จึงเห็นควรนำเสนอ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดมาตรการ เพื่อเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายได้โดยเร็ว จำนวน ๒ มาตรการ๑. การปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มสินค้าสุราบางประเภท และการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตเป็นการชั่วคราวสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ และการยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าไวน์ เพื่อจูงใจด้านราคาให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายซื้อสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และท่องเที่ยวหย่อนใจภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น๑.๑ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต สินค้าสุรากระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต ได้ยกร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ตอนที่ ๑๓ สินค้าสุรา และปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ตอนที่ ๑๗ กิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้(๑) สุราแช่ชนิดไวน์และสปาร์กลิงไวน์ที่ทำจากองุ่น (Wine) ยกเลิกการจัดเก็บภาษีจากการแบ่งชั้นของราคา (Price Tier) และกำหนดให้มีการจัดเก็บเป็นอัตราเดียว (Unitary Rate) โดยปรับอัตราภาษีให้มีอัตราภาษีตามมูลค่าที่ร้อยละ ๕ และอัตราภาษีตามปริมาณที่ ๑,๐๐๐ บาท ต่อปริมาณ ๑ ลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ (๒) สุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่น (Fruit Wine) ยกเลิกการจัดเก็บภาษีจากการแบ่งชั้นของราคา (Price Tier) และกำหนดให้มีการจัดเก็บเป็นอัตราเดียว (Unitary Rate) โดยปรับอัตราภาษีให้มีอัตราภาษีตามมูลค่าที่ร้อยละ ๐ และอัตราภาษีตามปริมาณที่ ๙๐๐ บาท ต่อปริมาณ ๑ ลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ (๓) สุราแช่ชนิดอื่นๆ จากเดิมจัดเก็บภาษีอัตราตามมูลค่าร้อยละ ๑๐ และอัตราตามปริมาณ ๑๕๐ บาท ต่อปริมาณ ๑ ลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ให้กำหนดอัตราภาษีโดยจำแนกพิกัดอัตราภาษีประเภทย่อย ดังนี้(๓.๑) อุ กระแช่ สาโท สุราแช่พื้นบ้านอื่น และสุราแช่ที่ใช้วัตถุดิบเป็นข้าวที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน ๗ ดีกรี โดยกำหนดอัตราภาษีตามมูลค่าร้อยละ ๐ และอัตราตามปริมาณ ๑๕๐ บาท ต่อปริมาณหนึ่งลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์(๓.๒) สุราแช่ ที่มีการผสมสุรากลั่นและมีแรงแอลกอฮอล์เกินกว่า ๗ ดีกรี โดยกำหนดอัตราภาษีตามมูลค่าร้อยละ ๑๐ และอัตราภาษีตามปริมาณ ๒๕๕ บาท ต่อปริมาณหนึ่งลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์- สุราแช่อื่นๆ นอกจาก ๓.๑ และ ๓.๒ โดยกำหนดอัตราภาษีตามมูลค่าร้อยละ ๑๐ และอัตราภาษีตามปริมาณ ๑๕๐ บาท ต่อปริมาณ ๑ ลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์(๔) สุราแช่ที่มิใช่เพื่อการค้า ได้มีการปรับโครงสร้างและอัตราภาษีให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างภาษีและอัตราภาษีในครั้งนี้ โดยกำหนดอัตราภาษีตามมูลค่าร้อยละ ๐ และอัตราภาษีตามปริมาณเท่ากับอัตราภาษีของสินค้าสุราแช่โดยระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป๑.๒ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต กิจการบันเทิงหรือหย่อนใจกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต ได้ยกร่างกฎกระทรวงการคลัง เพื่อปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ตอนที่ ๑๗ กิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ โดยปรับลดอัตราภาษีตามมูลค่าจากอัตราร้อยละ ๑๐ เป็นร้อยละ ๕ สำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ ๑๗.๐๑ ได้แก่ ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ ค็อกเทลเลาจน์ โดยให้หมายความรวมถึงสถานที่ที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการหลังเวลา ๒๔.๐๐ น. เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวและบริการ ให้สอดคล้องกับนโยบายสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของรัฐบาลโดยมีระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ (และตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๘ จะกลับมาใช้อัตราภาษีตามมูลค่าเดิม คือ ร้อยละ ๑๐)๑.๓ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีศุลกากรสินค้าไวน์กรมสรรพสามิต ได้ยกร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) เพื่อปรับปรุงโครงสร้างภาษีศุลกากรสินค้าไวน์ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยกำหนดให้ยกเว้นอากรศุลกากรสินค้าไวน์ทุกชนิดตามประเภทพิกัด ๒๒.๐๔ (ไวน์ที่ทำจากองุ่นสด และเกรปมัสต์) และ ๒๒.๐๕ (เวอร์มุท และไวน์อื่นๆ ที่ทำจากองุ่นสด ปรุงกลิ่นรสด้วยพืชหรือสารหอม) รวมทั้งสิ้น ๒๑ ประเภทย่อย และให้ลดอัตราอากรจากร้อยละ ๖๐ เป็นยกเว้นอากร โดยให้มีผลใช้บังคับพร้อมร่างกฎกระทรวง ตามข้อ ๑.๑ ๒. การปรับปรุงหลักเกณฑ์การตรวจสินค้าเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยว (VAT Refund for Tourists) เพื่อลดปริมาณนักท่องเที่ยวที่ต้องเข้าคิวเพื่อแสดงสินค้าในกระบวนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกรมสรรพากร ได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) เรื่องกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้ที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักรขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ และให้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ สรุปได้ดังนี้ปรับเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าที่ต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานศุลกากร จากเดิมตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาทขึ้นไป เป็น ๒๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ซึ่งจะลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องแสดงสินค้าลงจาก ๑.๒ แสนรายต่อปี เหลือประมาณ ๓๐,๐๐๐ รายต่อปี หรือลดลงประมาณร้อยละ ๗๕ปรับเพิ่มมูลค่าสินค้าที่ต้องนำไปแสดงต่อเจ้าพนักงานสรรพากร ๙ รายการ (Luxury Goods) ได้แก่ เครื่องประดับ ทองรูปพรรณ นาฬิกา แว่นตา ปากกา สมาร์ทโฟน แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ต กระเป๋า (ไม่รวมกระเป๋าเดินทาง) เข็มขัด จากเดิมมูลค่าต่อชิ้นตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป เป็น ๔๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป และปรับเพิ่มมูลค่าของที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ (carry-on) จากเดิมมูลค่าต่อชิ้นตั้งแต่ ๕๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป เป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาทขึ้นไปโฆษกรัฐบาล ระบุในช่วงท้ายว่า ในภาพรวม มาตรการดังกล่าวที่กระทรวงการคลังเสนอ จะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ ๔๐๑ ล้านบาทต่อปี และ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๐๐๗๓
