Wednesday, 20 November 2024

ลาวส่งให้ไทย พ่อค้ายาตัวเอ้ชาวมาเลย์ ค่าหัว ๑ ล้าน! คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดลุยแผนแตกหัก

04 Jan 2024
161

“บิ๊กหลวง” เผยลาวเตรียมส่งตัว “อ่อง กิม วาห์” ผู้ต้องหายาเสพติดชาวมาเลเซียรายสำคัญอันดับ ๑ ของ ป.ป.ส. ค่าหัว ๑ ล้านบาท ให้ไทยดำเนินคดีเร็วๆนี้ แฉการจับกุมนักค้าชาวมาเลย์จะทำให้ยาเสพติดประเภทยาไอซ์ เฮโรอีน โคเคนลดลงได้ถึงร้อยละ ๗๐ พร้อมชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วง ๓ เดือนที่ผ่านมาจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐ ยันจุดแตกหักปัญหานี้อยู่ที่ชุมชน ต้องให้ชาวบ้านเชื่อมั่นและศรัทธาด้วยการจับเอเย่นต์ในชุมชนให้หมดลาวเตรียมส่งนักค้ายานรกค่าหัว ๑ ล้านบาทให้ไทยดำเนินคดีเร็วๆนี้ เมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. วันที่ ๓ ม.ค. ป.ป.ส. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พล.ต.สมพงษ์ ใจจา รอง ผู้อำนวยการศปป.๒ กอ.รมน. นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รรท.รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลงานการปราบปรามยาเสพติด ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม๖๖ ถึง ๓๑ ธันวาคม๖๖ ตามปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดระยะ ๑ ปี Quick Win และการแก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมาตรการตามนโยบายของรัฐบาลพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้นโยบายไว้ว่า ต้องปลุกประชาชนร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด จุดแตกหักอยู่ที่ชุมชน ถ้าสร้างชุมชนให้เข้มแข็งจะสามารถชนะยาเสพติดได้ แต่ประเด็นสำคัญจะทำอย่างไรให้ชุมชนเข้มแข็ง เบื้องต้นต้องให้ชุมชนศรัทธาเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บังคับใช้กฎหมาย ในชุมชนเขารู้ว่าใครค้ายาเสพติด ดังนั้น ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ถ้าจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้มากเท่าไหร่ชุมชนจะศรัทธา เขาไม่ได้ปลื้มที่จับยาบ้าครั้งละ ๑๐ ล้านเม็ดแล้วเอามาแถลงข่าว เพราะเขาไม่สามารถสัมผัสได้ แต่เมื่อไหร่ที่ผู้ค้ารายย่อยในชุมชนของเขาถูกจับ เขาจะศรัทธาผู้บังคับใช้กฎหมาย เมื่อเขาศรัทธาและเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ เขาจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับยาเสพติด ต้องขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ในช่วง ๓ เดือนที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐พล.ต.ท.ภาณุรัตน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้ไปพูดคุยกับรองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบและหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ สปป.ลาว เพื่อหารือความร่วมมือในการดำเนินคดีกับ ๔๘ ผู้ต้องหารายสำคัญทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่หลบหนี ๑ ในนั้นคือนายอ่อง กิม วาห์ ผู้ต้องหายาเสพติดชาวมาเลเซียรายสำคัญอันดับ ๑ ของ ป.ป.ส.ค่าหัว ๑ ล้านบาท สปป.ลาวตกลงจะส่งตัวนายอ่องให้ทางการไทยดำเนินคดีเร็วๆนี้ กรณีดังกล่าวจะสามารถลดการค้ายาเสพติดอย่างยาไอซ์ เฮโรอีน โคเคนได้ถึงร้อยละ ๗๐ เครือข่ายนายอ่องเป็นเครือข่ายใหญ่มาก เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมยาบ้าได้รวมกว่า ๔.๔ ตัน และนายอ่องมีบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียถึง ๘ บริษัท มูลค่ากว่า ๒ หมื่นล้านบาทขณะที่ พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. กล่าวว่า ผลการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในช่วง ๓ เดือนแรก ตั้งแต่ ต.ค.-ธันวาคม๖๖ มีการสกัดกั้นปริมาณยาเสพติดไปแล้วกว่า ๒๐๐ ล้านเม็ด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ ๘๐ ยาไอซ์ ๓ ตัน จับกุมผู้ค้ารายสำคัญไปแล้วกว่า ๒๖๘ คดี เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ ๑๐ จับกุมผู้ค้ารายย่อย ๒๓,๐๐๐ คดี เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ ๓๐ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขง ความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้แก่ ประเทศเมียนมา ไทย เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา มีทั้งหมด ๒๗๕ คดี ผู้ต้องหาทั้งหมด ๕๑๙ คน ของกลางยาเสพติด แบ่งเป็น ยาบ้า ๒๐๒ ล้านเม็ด ยาไอซ์ ๓,๘๑๖ กิโลกรัม กัญชา ๒๐ กิโลกรัม เฮโรอีน ๒๙๕ กิโลกรัม คีตามีน ๒,๕๗๘ กิโลกรัม เอ็กซ์ตาซี ๑๐๘,๕๓๘ เม็ด คาเฟอีน ๘๐๐ กิโลกรัม สารตั้งต้น สารเคมี ๕๑,๙๘๑ กิโลกรัมผบช.ปส.กล่าวต่อว่า สำหรับแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในพื้นที่ที่จำเป็นเร่งด่วนในชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ครอบคลุมพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ๕ อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงดาว ไชยปราการ ฝาง แม่อาย เวียงแห จ.เชียงราย ๖ อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงของ เชียงแสน แม่จัน แม่ฟ้าหลวง แม่สาย เวียงแก่น จ.นครพนม ๔ อำเภอ ได้แก่ อ.ท่าอุเทน ธาตุพนม บ้านแพง เมืองนครพนม มีการสนธิกำลังจากส่วนที่เกี่ยวข้องในการลาดตระเวน ร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ด้วยกว่า ๑,๐๐๐ หมู่บ้าน ช่วยกันเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน การตั้งด่านจุดตรวจต่างๆ การปิดล้อมตรวจค้นสืบสวนขยายผลด้าน พล.ต.สมพงษ์ ใจจา รอง ผู้อำนวยการศปป.๒ กอ.รมน. กล่าวว่า กอ.รมน.ได้จัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ Taskforce ๓๕ ที่มีการสกัดกั้นยาเสพติดเข้มข้น ขยายผลลาดตระเวน ตั้งด่านและจุดตรวจยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหาได้ ๓๗๒ คน ยึดยาบ้ากว่า ๑๓ ล้านเม็ด และเฮโรอีน ๐.๘ กิโลกรัม ติดกล้องซูมเฝ้าระวังแม่น้ำโขงป้องกันการลักลอบลำเลียงยาเสพติดนพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รรท.รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในภาคการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดแล้ว ๑๙,๖๓๘ ราย จากเป้าหมาย ๙๑,๓๑๗ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๕๑ พัฒนาพฤตินิสัยโดยกระบวนการยุติธรรมได้ ๒๒,๑๒๙ ราย จาก ๖๖,๓๐๐ ราย คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๓๘ นอกจากนี้ เป็นการบำบัดผ่านการมีส่วนร่วมของชุมนุมได้ ๔๒๓ ราย ส่วนการรักษาผู้มีอาการจิตเวชจากยาเสพติด ตามนโยบาย Quick Win ระยะที่ ๑ ในพื้นที่เสี่ยง ๘๕ อำเภอใน ๓๐ จังหวัด มีเป้าหมายทั้งสิ้น ๔,๔๑๔ คน เข้าสู่กระบวนการรักษาแล้ว ๑,๐๕๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๔ นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยจิตเวชรายใหม่ ๓๕๔ คน นำเข้าสู่การรักษาแล้ว ๒๐๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๗ ทั้งนี้ได้เร่งขยายหอดูแลบำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ แบ่งดูแลตามความร้ายแรงของอาการผู้ป่วย มีโรงพยาบาลจิตเวช ๒๐ แห่ง โรงพยาบาลธัญญารักษ์ภูมิภาค ๗ แห่ง และโรงพยาบาลระดับจังหวัด ๑๒๗ แห่ง ดูแลผู้ป่วยสีแดง มีโรงพยาบาลระดับอำเภอ ๑๕๓ แห่ง ดูแลผู้ป่วยสีส้ม และสาธารณสุขชุมชน ๗๗๖ แห่ง ดูแลผู้ป่วยสีเหลืองอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่