Monday, 18 November 2024

๒ สส.ก้าวไกล โต้ “บิ๊กทิน” ซัด ไม่จริงใจ ลดงบปี ๖๗ กระทรวงกลาโหม

๒ สส.ก้าวไกล โต้ “บิ๊กทิน” ไม่จริงใจ ลดงบฯกลาโหม งบเรือดำน้ำดาวน์น้อย แต่มาอ้าง กลาโหมตั้งงบฯเยอะ เลยถูกตัด แนะ รัฐมนตรีควรใส่ใจ อย่าฟังทหารเยอะ ยกโครงการสร้างสนามบินให้ ทร.ดูแล หวั่นแบงก์ต่างชาติไม่อนุมัติ ตกเป็นภาระงบประเทศปีถัดไป  วันที่ ๕ ม.ค. ๒๕๖๗ นายชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวชี้แจงเพิ่มเติมภายหลังได้รับฟัง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงงบประมาณของกระทรวงฯ ในสภาฯ เมื่อวานนี้ว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมาชี้แจงในสภาฯ ว่า ไทยเคยผิดสัญญ ซื้อเรือดำน้ำในช่วงสถานการณ์โควิด-๑๙ ถือเป็นการตั้งธงความคิด เพราะประเทศไทยอยู่ในจุดเสียเปรียบเป็นอย่างมาก และจะทำให้ไทยมีปัญหาในการเจรจาต่อไปในอนาคต จึงอยากขอชี้แจงว่าในสัญญาซื้อขายได้เขียนสัญญาระบุไว้แล้ว โดยทางประเทศจีนก็ไม่ได้ทำตามสัญญาตั้งแต่แรก แต่ก็มีการเคลียร์เป็นที่เรียบร้อยส่วนประเด็นที่ นายสุทิน ชี้แจงว่า เป็นงบดาวน์น้อย ที่เขียนงบประมาณไว้แล้ว แต่ถูกสำนักงบประมาณตัด เพราะเหลือเวลาใช้จ่ายแค่ ๔ เดือน แสดงว่า นายสุทิน มีความตั้งใจที่จะส่งงบประมาณไปเยอะ แต่ถูกสำนักงบประมาณตัด จึงเป็นงบที่ “ดาวน์น้อย” ในปีนี้ เลยสะท้อนกลับไปที่งบกระทรวงกลาโหมปีนี้ดูน้อย ที่นายสุทินมาพูดตอนหลังว่า ความจริงส่งไปเยอะแต่โดนตัด แสดงให้เห็นว่า นายสุทิน ไม่มีความตั้งใจที่จะลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใดขณะที่ นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล แถลงต่อว่า ยืนยันว่าไม่ใช่การโต้ในประเด็นปิงปอง แต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ที่นายสุทินบอกว่ามีความตั้งใจดี เมื่อฟังดูแล้วอาจจะเชื่อและคล้อยตาม แต่ในเชิงการตรวจสอบ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดเอกสาร จะเห็นรายการคาดการณ์รายจ่าย หากจะมาอ้างว่า ๓ เดือนนี้ไม่สามารถจัดการงบประมาณปี ๖๗ ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคาดการณ์ตัวเลขในปี ๖๘ เป็นต้นไปจะจัดการไม่ได้ แต่กลับเป็นตัวเลขที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น เรื่องนี้จึงฟ้องด้วยตัวเองว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่เคยใส่ใจดูแลในรายละเอียดงบประมาณเลย หากจะลดงบประมาณก็ควรจะอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมส่วนการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาที่จังหวัดระยอง นายสุทิน น่าจะฟังข้าราชการทหารมากจนเกินไป จึงอยากให้ไปลองสืบค้นเอกสารก่อนว่า ครั้งหนึ่งมติคณะรัฐมนตรีเคยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ.เป็นผู้ดูแล โครงการก่อสร้างดังกล่าว แล้วไปกู้เงินกับ Asian Infrastructure Investment Bank หรือ AIIB แต่ต่อมาพอ AIIB อนุมัติวงเงิน แต่ยังไม่ได้อนุมัติเงิน ก็มีมติตีกลับมาให้กองทัพเรือเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียว และสุดท้ายโครงการก่อสร้างนี้ต้องโอนความรับผิดชอบ และภารกิจทั้งหมดให้ไปอยู่ความรับผิดชอบของ สกพอ.จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีเหตุผล และความจำเป็นที่กองทัพเรือจะต้องเป็นผู้กู้เงินจากธนาคารต่างประเทศ และผูกพันตั้งแต่ปี ๒๕๖๗-๒๕๗๐ จึงออกแถลงการณ์ไปเรียกร้องให้ นายสุทิน ตรวจสอบโครงการนี้อย่างเคร่งครัด หากทหารเรือมีความจริงใจจริงก็อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการกู้เงินขณะเดียวกันสื่อมวลชนสามารถเปิดไปดูข้อมูลที่ธนาคาร AIIB ได้ และค้นหาโครงการนี้จะเห็นว่าขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้อนุมัติวงเงินให้กับประเทศไทย ขอยืนยันว่าหากกองทัพเรือยังรับผิดชอบโครงการนี้ แหล่งเงินกู้จากต่างประเทศก็อาจจะไม่อนุมัติให้ สุดท้ายก็จะเป็นภาระงบประมาณของประเทศไทยในปีถัดๆ ไปมากยิ่งขึ้น.