แค่วันแรกก็คงพอจะมองเห็นภาพแล้วว่า อภิปรายงบประมาณรายจ่ายวงเงิน ๓.๔๘ ล้านล้านบาท ประจำปี ๒๕๖๗ ว่าออกมาอย่างไรถ้าเอาความจริงมาพูดกันไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนก็ต้องยอมว่าปัญหาเรื่องงบประมาณนั้นคือ งบรายจ่ายประจำและงบผูกพันต้องใช้เม็ดเงินเป็นจำนวนมากทำให้จำนวนเงินที่จะนำไปใช้พัฒนาในด้านต่างๆ จึงมีข้อจำกัด ดังนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องลดจำนวนข้าราชการให้น้อยลงด้วยรูปแบบ “เล็กแต่แจ๋ว” นั่นแหละ…“ชัยธวัช ตุลาธน” ผู้นำฝ่ายค้านจาก “ก้าวไกล” ทำหน้าที่เป็นครั้งแรกได้กล่าวนำเป็นคนแรกก็ได้พูดถึงภาพรวมเน้นหนักไปทางการเมืองมากกว่าประเด็น “งบประมาณ” โดยตรงเขาบอกว่าเนื่องจากเป็นรัฐบาลเฉพาะกาล จึงไม่มีแนวทางการทำงบประมาณอย่างมีแผนงาน เพราะทุกพรรคที่เข้ามาร่วมก็มุ่งไปที่ “อำนาจ” ที่แบ่งปันกันดูได้จากการแต่งตั้งรัฐมนตรีก็เป็นไปในลักษณะ “ผิดฝาผิดตัว” นับประสาอะไรกับการจัดทำงบประมาณที่ดูมีน้ำหนักและเข้าประเด็นมี ๒ คนคือ ๑. “ศิริกัญญา ตันสกุล” จาก “ก้าวไกล” และ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” จาก “ปชป.” ซึ่งทำการบ้านมาอย่างดีทำให้อภิปรายได้ตรงเป้าตรงประเด็น“ศิริกัญญา” ชี้ว่ารัฐบาลจัดทำแผนสวนทางกับวิกฤติ ทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวและต้องกู้เงินเพิ่ม เพราะต้องไปชดเชยรายได้ที่หายไปอีกส่วนหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ“เพื่อไทย” เคยประกาศว่าจะทำงบประมาณขาดดุลเท่ากันทุกปีจนดูไม่ออกว่าปีไหนวิกฤติกันแน่ และจะเกิดวิกฤติต่อไปเรื่อยที่บอกว่าภายใน ๗ ปีจะทำงบประมาณให้สมดุล จึงเป็นไปไม่ได้“จุรินทร์” จากประชาธิปัตย์ที่เคยผ่านประสบการณ์การเป็นฝ่ายค้านมาอย่างโชกโชน จึงไม่ทิ้งลายเสือ เพราะนอกจากทำการบ้านมาอย่างดีแล้วจึงใช้ลีลาในท่วงทำนองฝ่ายค้านอาชีพอภิปรายอย่างได้เนื้อได้หนังเจ็บๆคันๆครอบคลุมทุกด้านจนทำให้ฝ่ายรัฐบาลเต้นไปเหมือนกัน“อย่างการกล่าวโยงงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ที่พุ่งไปถึง “ทักษิณ” แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ใครฟังแล้วก็ต้องเข้าใจไปอย่างนั้น”“เพราะมีการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังบางคนที่มีข้อเคลือบแคลงจากสังคมว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มากกว่า ๑๒๐ วัน แต่ยังไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว”ทำเอา สส.เพื่อไทยต้องลุกขึ้นมาประท้วงเพื่อทำหน้าที่เป็น “องครักษ์” ทันทีในประเด็นงบประมาณนั้นเขากล่าวว่า สมัยที่ “เพื่อไทย” เป็นฝ่ายค้านก็โจมตีรัฐบาลชุดที่แล้วว่าลูกอีช่างกู้ แต่พอมาเป็นรัฐบาลเองก็ทำเอง อ้างว่าเศรษฐกิจวิกฤติต้องเร่งฟื้นฟูขนานใหญ่จึงต้องกู้เงินถึง ๕ แสนล้านบาท“นักกู้ถุงเท้าสีสมพู” แซะนายกรัฐมนตรีการตั้งงบประมาณเกิดจากการเอางบปี ๒๕๖๖ สมัยรัฐบาลชุดที่แล้วมารื้อทำใหม่หมด ส่งผลให้ปฏิทินงบปีนี้ล่าช้าไป ๙ เดือน เพราะมัวแต่ใช้เวลาไปตั้งรัฐบาลเพื่อนรักหักเหลี่ยมหลายเดือน ส่งผลให้งบประมาณปีนี้มีเวลาใช้แค่ ๕ เดือนสุดท้ายก็เป็น “งบเป็ดง่อย” ไม่สามารถนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้นี่เป็นแค่เริ่มต้นที่จะเข้าบริหารประเทศอย่างเต็มตัว เพราะงบประมาณคือตัวขับเคลื่อนสำคัญ แต่ฟังจากฝ่ายค้านแล้วทำท่าจะเป็น “เป็ดง่อย” จริงๆซะแล้ว!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม