วัดที่หาดใหญ่ โดนชาวบ้านร้องเรียนรีดค่าทำศพแพงเกินเหตุ คืนละห้าพัน แบบเหมาๆ ก็ “หมื่นห้า” ซ้ำสัปเหร่อยังเลือกปฏิบัติ คนจนไม่มีเงินให้ไป “ศาลาสอง” กันศาลาใหญ่ไว้เฉพาะตั้งศพคนรวย ถามคนจนไม่มีสิทธิตายหรือ ล่าสุด ส.อบจ.รับเป็นกาวใจ ตั้งกรรมการเข้าไปจัดการใหม่ ส่วนสัปเหร่อให้งดทำหน้าที่ หาคนใหม่แทนเมื่อวันที่ ๕ ม.ค. ๖๗ ที่วัดปลักกริมใน ตั้งอยู่ริมถนนพลพิชัย เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ชาวบ้านนับร้อยคนที่อยู่ในชุมชนวัด นำโดย นายจำลอง บุญวรรโณ ส.อบจ.หาดใหญ่เขต ๓ มารวมตัวกันที่วัดเพื่อหารือกับอาจารย์กล้วย รักษาการเจ้าอาวาสวัด เรียกร้องให้ทางวัดลดค่าจัดพิธีศพที่ให้ถูกลง หลังจากที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องค่าใช่จ่ายในการทำพิธีศพแพงเกินไป โดยเฉพาะค่าศาลาตั้งศพตก ๑๕,๐๐๐ บาท หรือคืนละ ๕,๐๐๐ บาท ทำให้ชาวบ้านลำบากเดือดร้อน บางรายต้องกู้หนี้นอกระบบมาเป็นค่าทำพิธีศพ รวมแล้วกว่า ๒๗,๐๐๐ บาทรวมทั้งพฤติกรรมของสัปเหร่อที่เลือกปฏิบัติระหว่างคนจนกับคนรวยที่ไม่เหมือนกัน โดยกันศาลาใหญ่ไว้ให้กับคนรวยคนมีเงินมาเผาศพ และพูดจาไม่สุภาพ ถึงขั้นด่าชาวบ้านไม่มีเงินแล้วเอามาเผาทำไม จองศาลาตั้งศพใหญ่รอให้คนรวยตาย ส่วนคนจนให้ไว้ศาลาเล็ก ทั้งนี้ เคสล่าสุดที่ชาวบ้านทนไม่ไหวและรับไม่ได้กับพฤติกรรมของสัปเหร่อคือ มีชาวบ้านคนหนึ่งในชุมชนวัดปลักกริมเสียชีวิตและครอบครัวยากจน ภรรยาได้พาศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดปลักกริมในเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่เมื่อเปิดศาลาใหญ่ที่ยังว่างอยู่ แม่บ้านบอกว่าให้ไปเปิดศาลา ๒ เพราะสัปเหร่อสั่งไว้ ทั้งๆ ที่ศาลาใหญ่ก็ยังว่างอยู่ และให้ย้ายศพไปไว้ศาลา ๒ อย่างเดียวเพราะถ้าตั้งศพศาลาใหญ่ต้องเสียค่าใช่จ่าย ๑๕,๐๐๐ บาท และพูดในเชิงว่าต้องเตรียมศาลาใหญ่ไว้เผื่อคนรวยตายภรรยาผู้ตายจึงได้ติดต่อไปยังนายจ้างให้มาช่วยเคลียร์ พอนายจ้างมาเคลียร์กับสัปเหร่อและจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าศาลาตั้งศพ ๑๕,๐๐๐ บาท สัปเหร่อก็ไม่พอใจ ไม่อาบน้ำศพให้และไม่เผาให้ด้วย ให้จัดการหาคนเผาศพเอาเอง ทำให้ชาวบ้านมองว่าพฤติกรรมของสัปเหร่อที่ปฏิบัติกับชาวบ้านไม่เหมาะสมทำเหมือนกับคนจนไม่มีค่าไม่มีสิทธิ์ตายและศาลาใหญ่ก็สร้างเตรียมไว้ให้กับคนรวยตายเท่านั้น คนจนตายตั้งอยู่ในวัดก็ไม่มีสิทธิ์ตั้งศพศาลาใหญ่ทั้งๆ ที่ยังว่างต้องเตรียมไว้รอคนรวยตายขณะที่ชาวบ้านบางคนที่เคยนำศพมาเผาที่วัดปลักกริมใน บอกว่าถึงขั้นต้องกู้เงินนอกระบบจ่ายร้อยละ ๒๐ มาจ่ายค่าทำพิธีศพ ผัวตายยังใช้หนี้ไม่หมดและแม่มาตายซ้ำอีก เฉพาะค่าทำพิธีศพที่ต้องจ่ายให้กับวัดกว่า ๒๗,๐๐๐ บาท แยกเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าศาลา ๑๕,๐๐๐ บาท ค่าดอกไม้ตั้งหน้าศพ ๓,๕๐๐ บาท ค่าทำพิธี ๑,๕๐๐ บาท ค่าสวด ๑,๕๐๐ บาท ค่าเผา ๒,๔๐๐ บาท ค่าน้ำมัน ๑,๖๐๐ บาท และค่าทำพิธีอื่นๆ เช่น เซ่นไหว้เตาเผา ๒,๐๐๐ บาท ค่าเก็บกระดูก ๖๐๐ บาท บางรายก็ต้องจ่ายค่ากวาดศาลาให้กับแม่บ้านอีก ๕๐๐ บาท ทั้งที่บางอย่างก็นำมาใช้เวียนเช่นดอกไม้ตั้งหน้าศพไม่จำเป็นต้องเก็บด้วยซ้ำ จึงต้องการให้คณะกรรมการวัดชี้แจงเรื่องค่าศาลาตั้งศพที่เก็บ ๑๕,๐๐๐ บาท เพราะว่าแพงเกินไป แถมโลงศพก็ต้องซื้อโลงของวัดเท่านั้นราคา ๕,๕๐๐ บาท เอาโลงที่รับบริจาคหรือโลงศพนอกเข้ามาไม่ได้ อยากให้ทางวัดแก้ปัญหาเรื่องนี้ ให้มีค่าใช้จ่ายในการทำพิธีศพให้น้อยลงเพื่อไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะชาวบ้านในชุมชนวัดปลักกริมต้องอาศัยวัดนี้ในการเผาศพหลังจากมีการหารือกันระหว่างรักษาการเจ้าอาวาสกับตัวแทนชาวบ้าน นายจำลอง บุญวรรโณ ส.อบจ.อำเภอหาดใหญ่เขต ๓ ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้านบอกว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการวัดชุดใหม่ขึ้นมาและจะออกกฎระเบียบเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำพิธีศพให้น้อยลงกว่าเดิม โดยเฉพาะกับคนที่ยากไร้ควรจะมีการช่วยเหลือแยกออกไปจากคนที่พอมีฐานะ และให้สัปเหร่อคนเดิมหยุดทำหน้าที่และออกไปจากวัดส่วนอาจารย์กล้วย รักษาการเจ้าอาวาสวัดปลักกริมใน บอกว่า เรื่องค่าใช้จ่ายการทำพิธีศพโดยเฉพาะศาลาตั้งศพที่ชาวบ้านเดือดร้อนว่าแพงนั้น การดำเนินการเรื่องนี้ทุกอย่างทางคณะกรรมการวัดเป็นคนจัดการทั้งหมดพระไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องของสัปเหร่อก็เป็นพฤติกรรมส่วนตัว เรื่องนี้หลังจากที่ตั้งคณะกรรมการวัดชุดใหม่ขึ้นมาก็จะมาตั้งกฎระเบียบกันใหม่อีกครั้ง ส่วนเรื่องที่แล้วมาก็ขอให้จบลงด้านหมอเอก สัปเหร่อของวัด ออกมาชี้แจงเรื่องที่เลือกปฏิบัติระหว่างคนจนกับคนรวยว่า เคสที่มีปัญหามีชาวบ้านมาติดต่อศาลาตั้งศพ ซึ่งคนตายเคยอยู่ที่วัดมาก่อนและเมียมีเงินอยู่แค่ ๑๘๐ บาท ไม่มีเงินจัดงานศพ ก็บอกไปว่าได้ไม่มีปัญหาแต่ให้เอาไว้ที่ศาลาสอง ส่วนเรื่องของค่าใช้จ่ายเรื่องโลงเรื่องค่าน้ำมันก็ช่วยกันหาหรือเรี่ยไรจากเจ้าภาพ แต่พอเอาศพมาที่วัดก็เปิดศาลาใหญ่ ซึ่งถ้าใช้ศาลาใหญ่ก็ต้องจ่าย ๑๕,๐๐๐ บาท เพราะที่คุยกันจะใช้ศาลาเล็ก ที่ผ่านมาศพไร้ญาติ ศพคนลำบากตนก็ช่วยเผามาตลอด ส่วนเรื่องที่พูดว่าศาลาใหญ่ต้องให้ว่างไว้เพื่อไว้สำหรับคนมีเงินมาเผายอมรับว่าพูดจริง
