Tuesday, 19 November 2024

OpenAI พร้อมจ่าย ๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขอใช้ลิขสิทธิ์บทความฝึกฝนเอไอ

โอเพนเอไอ เดินหน้าพูดคุยกับสำนักข่าวหลายสำนัก เพื่อขอลิขสิทธิ์บทความและเนื้อหาต่างๆ สำหรับฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์ หลังเจอปัญหาคดีความกับนิวยอร์ก ไทมส์ โดยเสนอเงินให้กับบรรดาสื่อที่ตัวเลข ๑-๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี นับตั้งแต่ ChatGPT กลายเป็นกระแสเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๐๒๒ จากนั้นเป็นต้นมา ทุกคนก็ได้รู้จักกับ ChatGPT และโอเพนเอไอ (OpenAI) ถ้วนหน้า เพียงแต่ก็มีปัญหาตามมา นั่นคือ การฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ มีการใช้เนื้อหาอันเป็นลิขสิทธิ์สำหรับการฝึกฝนหรือไม่ จนในท้ายที่สุดนิวยอร์ก ไทมส์ ได้ยื่นฟ้องโอเพนเอไอ และไมโครซอฟท์ ตามรายงานของดิ อินฟอร์เมชัน เปิดเผยว่า โอเพนเอไอได้ติดต่อกับสำนักข่าวหลายสำนัก เพื่อตกลงขอลิขสิทธิ์ด้านบทความต่างๆ แล้วนำคอนเทนต์เหล่านี้ไปฝึกฝนให้กับปัญญาประดิษฐ์ต่อไป เพื่อเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจตามมาในภายหลังจากการเจรจา โอเพนเอไอ ยื่นข้อเสนอให้กับสำนักข่าวแต่ละสำนักไม่เท่ากัน โดยตัวเลขอยู่ระหว่าง ๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมากที่สุดที่ ๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายงานของเดอะ เวิร์จ ระบุว่า โอเพนเอไอ มีความต้องการที่จะทำงานร่วมกับสำนักข่าวต่างๆ พร้อมกับมองว่าการทำข้อเสนอระหว่างสำนักข่าวและโอเพนเอไออาจเป็นช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ๆ สำหรับองค์กรสื่ออย่างไรก็ดี คดีความที่เกิดขึ้นระหว่างโอเพนเอไอ-ไมโครซอฟท์ และสำนักข่าวนิวยอร์ก ไทมส์ จำนวนเงินที่ถูกเรียกร้องให้รับผิดชอบฐาน จากการที่นิวยอร์ก ไทมส์อ้างว่าถูกคัดลอกบทความโดยไม่ได้รับอนุญาต ความเสียหายประเมินค่าเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียวในเวลาเดียวกัน ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกเล็กน้อย นั่นคือ การพัฒนา generative AI ของแอปเปิลเพื่อใช้เป็นการภายใน โดยมีรายงานว่าแอปเปิลได้พูดคุยกับสำนักข่าวต่างๆ เช่นกัน เพื่อขอนำบทความมาใช้ฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์เช่นกันอย่างไรก็ดี ตามรายงานมีการระบุว่า แอปเปิลพร้อมจ่ายเงินสำหรับค่าลิขสิทธิ์เป็นจำนวนเงินกว่า ๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสำนักข่าวและนิตยสารชื่อดังที่ได้รับการติดต่อจากแอปเปิล เช่น นิตยสารโว้ก (Vogue), เดอะ นิวยอร์กเกอร์, เอ็นบีซี รวมถึงนิตยสารพีเพิล (People)แม้ยังไม่มีความชัดเจนว่าแอปเปิลประสบความสำเร็จในการพูดคุยเรื่องการนำบทความอันมีลิขสิทธิ์มาใช้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดกว่าก็คือข้อเสนอจากทางฝั่งแอปเปิลสูงกว่าโอเพนเอไอมากทีเดียวที่มา: The Information, The Verge