Thursday, 19 December 2024

"แพทองธาร" Kick Off "๓๐ บาทรักษาทุกที่" ขอบคุณ นโยบายดี เปลี่ยนชีวิตประชาชน

“แพทองธาร” Kick Off “๓๐ บาทรักษาทุกที่” เชื่อนโยบายที่ดี เปลี่ยนชีวิตประชาชนได้ ขอบคุณ “อดีตนายกฯ ทักษิณ – หมอสงวน – หมอสุรพงษ์” ร่วมผลักดัน ๓๐ บาทรักษาทุกโรค มั่นใจ “รัฐบาลเศรษฐา” พัฒนาต่อtt ttวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๗ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ร่วมพิธีเปิดกิจกรรม Kick Off โครงการ ‘บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่’ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการดำเนินนโยบาย “๓๐ บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” อย่างเป็นทางการครั้งแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมกับอีก ๓ จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาส ณ ลานสาเกตนคร อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและ สส.น่าน พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข, สส.พรรคเพื่อไทยและพี่น้องประชาชน ๑๐,๑๐๑ คน เข้าร่วม Kick Off โครงการนี้tt ttนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า วันนี้จะเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะระบบสาธารณสุขไทยได้รับการยกระดับให้ทันสมัย ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาจัดการข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทำให้ระบบสาธารณสุขไทยดียิ่งขึ้น และพี่น้องประชาชนจะได้รับบริการที่ดีมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเข้าถึงง่ายมากขึ้น ซึ่งนโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกโรค มีมากว่า ๒๒ ปีแล้วโดยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่นำโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ และถึงเวลาแล้วที่เราจะพัฒนานโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกโรค ให้เป็น “๓๐ บาทรักษาทุกที่” สร้างระบบสาธารณสุขของไทยให้ดียิ่งขึ้น มีบริการที่ดี ทั่วถึง รวดเร็ว และทันสมัยมากยิ่งขึ้นtt tttt ttนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ในอดีตรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เริ่มต้นโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรคที่จังหวัดนำร่อง ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลได้เพียง ๒ ปี หลังจากนั้นก็ทยอยทำจนครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ และในวันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เริ่มต้นนโยบาย “๓๐ บาทรักษาทุกที่” นำร่อง ๔ จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรีและนราธิวาส และหลังจากนี้จะมีการดำเนินนโยบายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งพี่น้องประชาชนจะไม่ต้องเสียเวลาไปรักษาที่โรงพยาบาลตามทะเบียนบ้าน ไม่ต้องรอรับยานานเกินไป การตรวจเลือด ซักประวัติ วัดความดันก่อนพบแพทย์ก็สามารถทำได้เลยที่สถานีอนามัย หรือคลินิกใกล้บ้านเครือข่ายของ สปสช. และบางกรณีก็ไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาล เพราะสามารถพบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อรับยาไปแล้วก็สามารถปรึกษากับเภสัชกรผ่านออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน รวมไปถึงการนัดออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อมtt tttt tt“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นโยบายนี้จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ตลอดกาล เหมือนที่เคยทำได้มาแล้วจากนโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกโรค เคยทำมาแล้ว ซึ่งเมื่อ ๒๒ ปีที่แล้ว เราเริ่มนโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกโรค ในวันที่ ๘ เมษายน ในวันนี้ ๗ มกราคม ๒๕๖๗ ซึ่งผ่านมาแล้ว ๒๒ ปีแล้ว เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปจะช่วยให้นโยบายของเราพัฒนาและแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาสานต่อโครงการที่ดีมากๆ อยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์พี่น้องประชาชนตามยุคสมัยมากขึ้น” รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ กล่าวtt ttนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ขอขอบพระคุณผู้ที่ผลักดันและสร้าง ๓๐ บาทรักษาทุกโรคในอดีต คือ นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และที่สำคัญคือการผลักดันอย่างเต็มที่ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ประเทศไทยมีโครงสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดี ซึ่งขณะนั้นเมื่อได้มีการเสนอนโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกโรคไป ก็มีหลายวาทกรรมและหลายข้อครหา ซึ่งไม่เข้าใจความตั้งใจของเรา แต่วันนี้ทุกท่านได้เห็นแล้วว่า ๓๐ บาทรักษาทุกโรคได้เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นได้จริงๆ นั่นแปลว่านโยบายที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตเราทุกคนได้จริงๆ วันนี้รัฐบาลชุดนี้เข้ามารับไม้ต่อทำให้ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค เป็น ๓๐ บาทรักษาทุกที่ และเราจะไม่หยุดพัฒนานโยบายที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นต่อไปtt tt