“ชลน่าน” ควง “อิ๊งค์” ตรวจความพร้อมระบบประกันสุขภาพ ยกระดับบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ ก่อนนายกฯ ลงพื้นที่ “ร้อยเอ็ด” คิกออฟ อย่างเป็นทางการ นำร่อง ๔ จังหวัดทั่วประเทศ เย็นนี้ เฟส ๒ มีนาคมครอบคลุมพื้นที่อีก ๘ จังหวัดtt ttวันที่ ๗ มกราคมนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง), นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ, นายเศกสิทธิ์ ไวยนิยมพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด, นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สส.สระแก้ว รวมทั้ง สส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นางสาวขัตติยา สวัสดิผล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นางสาวชนก จันทาทอง นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช และ สส.ร้อยเอ็ด นายฉลาด ขามช่วง นางสาวจิราพร สินธุไพร นางสาวชญาภา สินธุไพรtt ttลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ติดตามความคืบหน้าการดำเนินนโยบาย “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” ที่โรงพยาบาลจตุรพักตรพิมาน อ.จตุรพักตรพิมาน ตรวจเยี่ยมดูระบบการตรวจสอบประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์, การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล, ใบสั่งยา/ใบสั่งแล็บออนไลน์ การแพทย์ทางไกล เภสัชกรรมทางไกล การนัดหมายออนไลน์ และระบบส่งยาและเวชภัณฑ์ที่บ้าน รวมถึงระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ ก่อนที่เริ่มคิกออฟโครงการอย่างเป็นทางการในช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งจะมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการ ณ ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด ๑๐๑ จังหวัดร้อยเอ็ด และนำร่องพร้อมกันในอีก ๓ จังหวัด คือ แพร่, เพชรบุรี และนราธิวาส รองรับการให้บริการประชาชนครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศtt ttสำหรับการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติครั้งนี้ ถูกยกระดับเป็น “๓๐ บาทรักษาทุกที่” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “๓๐ บาทพลัส” ที่ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และที่สำคัญยังสามารถเข้ารับการรักษามะเร็งได้ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การฉีดวัคซีน การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม หากตรวจพบก็จะถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาต่อไปtt ttนอกจากนี้ ยังเข้าถึงบริการในเขตเมือง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเชิญเอกชนเข้ามาร่วมให้บริการมากขึ้น ทั้งร้านยา คลินิกทันตกรรม คลินิกกายภาพบำบัด นับเป็นการลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข และอำนวยความสะดวกในการรับบริการของประชาชนอย่างแท้จริงtt ttส่วนการขยายนโยบายในเฟส ๒ นั้น ภายในเดือนมีนาคมนี้ จะครอบคลุมพื้นที่อีก ๘ จังหวัด คือ เพชรบูรณ์, นครสวรรค์, สิงห์บุรี, สระแก้ว, หนองบัวลำภู, นครราชสีมา, อำนาจเจริญ และพังงา
