รัฐมนตรีว่าการการต่างประเทศ ระบุ เรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา ยังไม่แน่ใจว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ต้องรอให้นายกฯ เศรษฐา และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้เจอกันก่อนวันที่ ๙ ม.ค. ๒๕๖๗ เมื่อเวลา ๑๒.๐๐ น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการการต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตามคำเชิญของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการคลัง ซึ่งจะมีการหารือถึงผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา ว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่พูดคุยและเจรจากันมาอย่างยาวนาน กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้มีการพิจารณาถึงกรณีความรับผิดชอบในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และในส่วนของดินแดน ยังไม่แน่ใจว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งหากเป็นฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เสนอ ก็จะนำไปพิจารณา เมื่อถามว่า จะยึดตาม MOU ปี ๒๕๔๔ หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า มีการแบ่งเป็น ๒ ส่วน เป็นเรื่องเกี่ยวกับดินแดน และอีกส่วนเป็นเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ ตนยังไม่แน่ใจว่าการที่เจรจากันอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องของการแบ่งผลประโยชน์หรือไม่ แต่หากเป็นเรื่องของดินแดน มีคณะกรรมการดูแลอยู่ แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ประชุมกัน เพราะเราเพิ่งเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ และหากเป็นเรื่องของการแบ่งปันผลประโยชน์ ก็จะเป็นเรื่องของกระทรวงพลังงานเป็นผู้ดูแล เมื่อถามว่า จะมีการเรียกประชุมก่อนที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเดินทางมาเยือนไทยหรือไม่นั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบาย ซึ่งของเดิมที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคในขณะนั้น ได้ตั้งคณะทำงานมา ๒ ชุด คือชุดที่ว่าด้วยการแบ่งเขตทางทะเล และชุดที่ว่าด้วยระบอบการพัฒนาร่วม แต่ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องรอความชัดเจนในวันที่ ๗ ก.พ. ต้องรอให้ นายเศรษฐา และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้เจอกันก่อน และหลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของแต่ละกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องไปดำเนินการ