สงครามตามมาด้วยความสูญเสีย ทั้งฝ่ายตัวเองและฝ่ายตรงข้าม เพื่อไม่ให้ประชาชนคนของตนขวัญหนีดีฝ่อ ก็มักจะมีการตกแต่งตัวเลขที่เป็นผลดีกับฝ่ายตน และสร้างความเสียหายเกินจริงให้แก่ฝ่ายตรงข้าม มีการปล่อยข่าวเพื่อให้ประชาชนฝ่ายตนมีกำลังใจ และฝ่ายตรงข้ามตระหนกตกใจ หลายครั้งที่ผู้ใหญ่ของประเทศทนเห็นความสูญเสียไม่ไหว ออกมาพูดและให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้สงครามสงบ หรือเพื่อขอให้มีการเจรจาสงบศึกอดีตรัฐมนตรีและอดีตผู้ใหญ่ของอูเครนเรียงหน้าออกมาพูดความจริงว่าฝ่ายอูเครนเสียหายอย่างไร และขอร้องให้อูเครนหยุดเป็นตัวแทนสหรัฐฯในการรบกับรัสเซีย โดยที่สหรัฐฯไม่ต้องลงมารบเอง เพราะถ้ารบเอง ทหารอเมริกันอาจจะตายเป็นจำนวนมากซึ่งคนอเมริกันคงรับไม่ได้ที่เพิ่งออกมาพูดเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือนายยูริ ลุตเชนโก อดีตอัยการสูงสุดของอูเครน นายลุตเชนโกออกมายอมรับว่า ตั้งแต่เริ่มสงคราม ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๒ จนถึงสิ้น ค.ศ.๒๐๒๓ มีทหารอูเครนถูกฆ่าหรือบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ๕ แสนคนอดีตอัยการสูงสุดลุตเชนโกยืนยันต่อไปอีกว่า “มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสที่แนวหน้าห้าแสนคน ถ้าคิดเป็นเดือนก็เฉลี่ยเดือนละสามหมื่น” และ “ชาวอูเครนสมควรที่จะรู้เรื่องจริงอันนี้ ควรรู้ถึงจำนวนการสูญเสียที่แท้จริงเพื่อให้ข้อถกเถียงเกี่ยวกับความจำเป็นในการระดมพลยุติลง” อดีตอัยการสูงสุดยังพูดต่อไปอีกว่า “เซเลนสกีสื่อกับชาวอูเครนมายาวนาน จนทำให้คนอูเครนละเมอเพ้อพกว่า อูเครนไม่มีภัยคุกคาม รวมถึงถูกทำให้เชื่อว่ากองทัพรัสเซียอ่อนแอ”ไม่ใช่แค่นายลุตเชนโก อดีตอัยการสูงสุดของอูเครนพูดเพียงคนเดียวดอกครับ นายมิโคลา ยาโนวิช อาซารอฟ นายกรัฐมนตรีคนที่ ๑๔ ของอูเครนและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตนายกฯ อาซารอฟพูดเมื่อเดือนกันยายน ๒๐๒๓ ว่าพอถึงสิ้นปีนี้ (ธันวาคม ๒๐๒๓) กองทัพอูเครนจะสูญเสียกำลังพลสะสมมากกว่า ๕ แสนคนก่อนหน้านี้มีแต่ข่าวปลอมข่าวปล่อยจากสหรัฐฯและตะวันตกว่า ทหารอูเครนตายเพียงไม่กี่หมื่นคน แต่ทหารรัสเซียตายไปมากหลายแสน ฝ่ายรัสเซียก็งง เพราะตัวเองมีหน่วยงานที่สืบสวนหาข่าวเพื่อรวบรวมตัวเลขการสูญเสียของแต่ละฝ่ายในการสู้รบ พบว่าทหารอูเครนตายเป็นเบือ แต่สหรัฐฯและตะวันตกยังตะโกนหลอกโลกและหลอกคนอูเครนว่าตายไม่มาก ทำให้ประชาชนอูเครนยังคงมีขวัญและกำลังใจสู้กับรัสเซียต่อยิ่งลุยก็ยิ่งตาย ยิ่งสู้ยิ่งบาดเจ็บ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตอัยการสูงสุด และผู้คนระดับสูงจำนวนไม่น้อยจึงออกมาเตือนเพื่อป้องกันไม่ให้ชีวิตของประชาชนตายกลายเป็นผีไปมากกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่า คำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่ของประเทศไม่ถูกใจเซเลนสกีแน่นอน ขณะนี้เซเลนสกียังคงตระเวนโลกเพื่อขอความช่วยเหลือ แม้ว่าจะมีวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เจรจาสันติภาพมาแล้ว ๑๕ รอบ (รอบที่ ๑๕ เจรจาเมื่อ ๒๔ ธันวาคม ๒๐๒๓) แต่ทุกรอบก็ล้มเหลว รัสเซียเรียกร้องให้อูเครนดำรงสถานะความเป็นกลางอย่างถาวร อูเครนปฏิเสธที่จะรับเงื่อนไข ยืนกระต่ายขาเดียวว่า อูเครนมีสิทธิที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรใดๆ (เช่น นาโต) ตามที่ อูเครนต้องการตัวเลขอย่างเป็นทางการรายงานว่า ๕๔ ประเทศที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯร่วมลงขันเพื่อให้อูเครนทำสงครามกับรัสเซียไปแล้วมากกว่า ๒ แสนล้านดอลลาร์ (๗ ล้านล้านบาท) ตอนเกิดสงครามใหม่ๆ มีทหารจากชาติตะวันตกแปลงสถานะเป็นทหารรับจ้างเข้าไปช่วยรบ ๑.๓ หมื่นนาย ต่อมาถูกฆ่า + หลบหนีจากอูเครน จนขณะนี้มีเหลือเพียง ๑.๙ พันนายสงครามจะจบหรือไม่จบ ไม่ได้อยู่ที่การตัดสินใจของเซเลนสกี แต่อยู่กับยุทธศาสตร์ของผู้ที่ใช้เซเลนสกีมาทำสงคราม นั่นคือสหรัฐฯและพันธมิตรนาโต.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok๑๙๙๗@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม
