“วรชัย” ที่ปรึกษาของรองนายกฯ วอน ปรับดอกเบี้ย เงินฝาก-เงินกู้ ให้บาลานซ์กัน เหตุมีส่วนต่างกันถึง ๘ เท่า ขอ ผู้ว่าฯ ธปท.ลงมาดูสาเหตุแท้จริง เพราะไม่ยุติธรรมต่อคนไทย จี้ ต้องรับผิดชอบ สิ่งที่จะเกิดขึ้นวันข้างหน้า เมื่อวันที่ ๑๐ ม.ค. นายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารเอกชนต่างๆ ทำกำไรได้ถึง ๑ ล้านล้าน ในระยะเวลาเกือบ ๖ ปีที่ผ่านมา และปี ๖๖ สามารถมีกำไรถึง ๒ แสนล้าน ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่า ธนาคารเอกชนทำกำไรเพิ่มขึ้นจำนวนมาก สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ที่คนไทยทุกคนมีรายได้ฝืดเคือง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องปิดตัวลง เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสิน ประชาชนถูกยึดบ้าน ยึดรถ รายได้ประชาชนตกตำ่ลงเรื่อยๆ วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยเฉพาะนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องลงมาดูสาเหตุที่แท้จริงว่า เกิดอะไรขึ้นในประเทศ เราเห็นช่องว่างดอกเบี้ยระหว่างเงินฝากกับเงินกู้ มีส่วนต่างกันถึง ๘ เท่า ดอกเบี้ยเงินฝาก ๐.๓๕% ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึง ๗.๕-๙% เรื่องนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับคนไทยอย่างมาก พอรัฐบาลจะกู้เงินมาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้ประชาชนมีกำลังใช้จ่าย ธนาคารแห่งประเทศไทย กลับแสดงท่าทีคัดค้าน ทำให้มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชนส่วนใหญ่ แต่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับธนาคารพาณิชย์หรือไม่ และสาเหตุที่ดอกเบี้ยเงินกู้สูงเช่นนี้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาโดยตลอด ทั้งที่การปรับดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือลดเงินเฟ้อ แต่วันนี้ประเทศไทยเงินเฟ้อเป็นลบจึงไม่เข้าใจเหตุใดถึงทำเช่นนี้”ดังนั้น วันนี้ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า นอกจากนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือภาวะขาดสภาพคล่องของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ที่เคยออกหุ้นกู้ให้แก่ประชาชน ตอนนี้ก็มีปัญหาขาดสภาพคล่องเข้ามาอีก จนอาจไม่สามารถชำระหนี้ให้ประชาชนที่ซื้อหุ้นกู้ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะช่วยเหลือเรื่องนี้อย่างไร” นายวรชัย กล่าว…
วอน ปรับดอกเบี้ย เงินฝาก-เงินกู้ ให้บาลานซ์ ชี้ ส่วนต่างห่าง ๘ เท่า
Related posts