กลายเป็นคำถามด้านมาตรการความปลอดภัย ที่สร้างความกังวลแก่ผู้ใช้บริการสายการบินทั่วโลก หลังเกิดเหตุระทึกบนเครื่องบินโดยสารรุ่นโบอิ้ง ๗๓๗ MAX ๙ ในสหรัฐฯ ประตูฉุกเฉินที่ถูกปิดตายได้หลุดกระเด็นออกจากตัวเครื่องขณะบินอยู่บนฟ้า สร้างความขวัญผวาแก่ผู้โดยสารในห้องเคบินเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ ๕ ม.ค. ที่ผ่านมา และส่งผลให้สายการบินต่างๆสั่งระงับใช้งานเครื่องรุ่นดังกล่าวทั้งนี้ สายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ ผู้ให้บริการเที่ยวบิน ๑๒๘๒ ลำเกิดเหตุ ได้เปิดเผยความคืบหน้าเมื่อวันที่ ๙ มกราคมว่า ทางบริษัทอยู่ระหว่างรอเอกสารอย่างเป็นทางการจากบริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิต เครื่องบิน และองค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) เพื่อเริ่มกระบวนการตรวจสอบทางเทคนิคอย่างละเอียดว่าเครื่องบินโบอิ้ง ๗๓๗ MAX ๙ มีข้อบกพร่องอะไรหรือไม่อย่างไรก็ตาม สายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ส ได้ยอมรับด้วยว่า ช่างเทคนิคที่เข้าตรวจสอบเครื่องบินรุ่น ๗๓๗ MAX ๙ ที่ถูกสั่งระงับให้บริการ ได้ค้นพบว่าเครื่องบินรุ่นดังกล่าวบางลำมีปัญหาเรื่อง “ชิ้นส่วนหลวม” และบางลำก็หลวมในส่วนที่มีความจำเป็นขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานขยายผลเรื่องนี้ว่า จากการสอบถามแหล่งข่าวภายในสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ที่สั่งระงับการใช้งานเครื่อง ๗๓๗ MAX ๙ เป็นจำนวน ๗๙ ลำ พบว่า การตรวจสอบของช่างเทคนิคเบื้องต้นเจอปัญหา “นอตหลวม” ในเครื่องบินแล้วอย่างน้อย ๑๐ ลำ อย่างไรก็ตาม ทีมที่ตรวจสอบเครื่องบินลำเกิดเหตุของสายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ส ยังไม่ขอยืนยันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ประตูฉุกเฉินหลุดจากตัวเครื่อง แต่ระบุว่า ชิ้นส่วนที่กระเด็นหลุดไปถูกยึดไว้ด้วยนอตหลัก ๔ ตัว และนอตรองอีก ๑๒ ตัวก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้ค้นพบประตูฉุกเฉินที่หลุดจากตัวเครื่อง โดยตกอยู่ที่บริเวณหลังบ้านของคุณครูประจำโรงเรียนในชุมชนซีดาร์ฮิลส์ เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ส่วนการตรวจสอบกล่องดำบนเครื่องกลับพบว่าเป็นกล่องดำที่มีข้อมูลความจำแบบระยะสั้น ซึ่งทำให้ข้อมูลในช่วงวันเวลาเกิดเหตุได้ถูกข้อมูลใหม่เขียนทับไปแล้ว และคณะกรรมาธิการด้านความปลอดภัยของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อบังคับเสียใหม่ ให้เปลี่ยนจากกล่องดำที่มีความจำขั้นต่ำ ๒ ชั่วโมง เป็นความจำ ๒๕ ชั่วโมง.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
