“เท่าพิภพ” ก้าวไกล เสนอกฎหมายคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยกเลิก คกก.ควบคุมฯ-ประชาชนโพสต์ฯ แอลกอฮอล์ไม่ผิด ถ้าพิสูจน์ได้ไม่มีผลประโยชน์ร่วม-ยกเลิกจำกัดเวลาขาย สภาฯ ลงมติเห็นด้วย ให้ คณะรัฐมนตรีไปศึกษา ๖๐ วัน เพื่อความรอบคอบวันที่ ๑๐ ม.ค. ๒๕๖๗ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประกอบด้วย ๓ ร่าง คือ ร่างของภาคประชาชน ๒ ร่าง หนึ่งนำโดย ธีรภัทร์ คหะวงศ์ สองนำโดยเจริญ เจริญชัย และร่างของ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กรุงเทพฯ เขต ๒๔ พรรคก้าวไกลนายเท่าพิภพ ในฐานะผู้เสนอกฎหมายกล่าวว่า ร่างนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางการเมือง (Political Project) ที่ชื่อ “สุราก้าวหน้า” แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตสุรา ตนเสนอเพราะตั้งคำถามว่าที่ผ่านมากฎหมายได้ผลสัมฤทธิ์จริงหรือไม่ ใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่มากเกินไปหรือเปล่า ยืนยันว่าตนไม่ต้องการให้กฎหมายนี้อ่อนลง แต่ต้องการให้เข้มแข็งขึ้นโดยประเด็นที่เป็นข้อแตกต่างของแต่ละร่าง ได้แก่ ข้อแรก คณะกรรมการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่างแรกต้องการเพิ่มสัดส่วนกรรมการในสัดส่วนสมัชชาประชาชนรณรงค์สุราระดับจังหวัด ร่างที่สองเพิ่มสัดส่วนกรรมการในสัดส่วนผู้ประกอบธุรกิจสุรา ขณะที่ร่างของตนและพรรคก้าวไกลก้าวข้ามความขัดแย้ง ด้วยการยกเลิกคณะกรรมการฯ ไปเลย และให้การออกกฎหมายลำดับรองเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรูปแบบกฎกระทรวงเพราะคณะกรรมการฯ ที่ผ่านมาไม่มีความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างเพียงพอ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ขัดกับหลักการการแบ่งแยกอำนาจเพราะหน่วยงานที่เป็นผู้ออกกฎ กลับเป็นผู้ใช้กฎหมาย ถือเป็นการตีเช็คเปล่าให้คณะกรรมการฯ ไปออกกฎเกณฑ์ตามอำเภอใจ นี่คือมรดกบาปจากรัฐประหาร ๒๕๔๙ ที่ทำให้รัฐเป็นรัฐข้าราชการ ประเด็นต่อมา คือ มาตรา ๓๒ การห้ามโฆษณา ร่างฉบับแรกเพิ่มในกฎหมายให้เข้มงวดขึ้นโดยห้ามเพิ่มโฆษณาตราเสมือนโลโก้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่างที่สอง โฆษณาได้แต่ต้องเกินจริง ส่วนร่างของตน ห้ามผู้ผลิต โฆษณา หรือจำหน่ายแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี คนธรรมดาโพสต์ไม่ผิดหากพิสูจน์ว่าไม่ได้มีผลประโยชน์ร่วม “ปัจจุบันค่าปรับของการทำผิดกฎหมายเรื่องนี้แพงกว่าคดีเมาแล้วขับเสียอีก ประเทศนี้มองว่าถ้าคนเห็นโฆษณาเบียร์ในทีวีแล้วจะวิ่งไปซื้อ เป็นการดูถูกประชาชน ถ้าวันหนึ่งสุราก้าวหน้า หรือสุราพื้นบ้านผ่านสภาฯ ผู้ประกอบการรายเล็กทำสุราได้ แต่โฆษณาไม่ได้ แล้วเขาจะขายใคร” นายเท่าพิภพ กล่าวสส.กรุงเทพฯ เขต ๒๔ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นคือ มาตรา ๒๘ เรื่องเวลาขาย ร่างแรกคงเดิมทุกประการ ร่างที่สอง และร่างของตนยกเลิกการจำกัดเวลาขาย จากประสบการณ์ในบางประเทศพบว่า การจำกัดเวลาขายไม่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลายเป็นว่า ทำให้คนดื่มเยอะขึ้น เมามากขึ้น นายเท่าพิภพ ย้ำด้วยว่า ไม่เห็นด้วยกับวิธีที่ คณะรัฐมนตรีจะอุ้มร่างนี้ไปศึกษาอีก ๖๐ วัน เหตุใดไม่ให้ผู้แทนประชาชนเป็นผู้พิจารณา เราควรเชื่อมั่นในกรรมาธิการของสภาฯ ว่าจะเป็นกลไกสำคัญแก้ไขความขัดแย้ง สภาฯ มีไว้ให้คนถกเถียงกัน และเราควรเชื่อในการตัดสินใจของประชาชน ดังนั้นขอให้ที่ประชุมฯ ผ่านทั้ง ๓ ร่างในวาระหนึ่ง ไปถกเถียงกันต่อในชั้น กมธ.อย่างไรก็ตาม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข ระบุข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ ๑๑๘ ให้ คณะรัฐมนตรีนำร่างไปศึกษาภายใน ๖๐ วัน ก่อนส่งกลับสภาฯ เพื่อลงมติวาระ ๑ ให้เหตุผลว่า เพราะเป็นร่างที่มีเนื้อหาหลักการเดียวกันกับร่างที่กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอเข้าสู่สภาฯ เพื่อความรอบคอบในการดูทุกฉบับให้สมบูรณ์ จึงขอรับร่างฉบับนี้ไปพิจารณาก่อนทำให้ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายช่วงหนึ่งว่า พรรคฝ่ายค้านพิจารณาร่วมกันเห็นว่าร่างดังกล่าวของภาคประชาชนไม่ได้เสนอครั้งแรก แต่เสนอเข้ามาตั้งแต่ ๒-๓ ปีที่แล้ว เชื่อว่า สส.พิจารณาได้ จะรับหรือไม่รับก็ต้องมีเหตุผลอธิบาย ไปว่ากันต่อในชั้น กมธ. แต่วิธีอุ้มไปศึกษานั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อมีร่างของ สส. หรือของภาคประชาชนเข้าสภาฯ คณะรัฐมนตรีทำแบบนี้เหมือนไม่ได้ศึกษาร่างกฎหมายมาก่อน ต้องตั้งคำถามว่าทำงานกันอย่างไร ตนไม่เห็นด้วยและขอใช้สิทธิคัดค้านผลการลงมติที่ประชุมสภาฯ เห็นด้วยให้ คณะรัฐมนตรีรับร่างไปศึกษาไม่เกิน ๖๐ วันทั้ง ๓ ร่าง โดยร่างแรกของภาคประชาชน (เสนอโดย ธีรภัทร์ คหะวงศ์) มีผู้ลงมติ ๓๙๗ คน เห็นด้วย ๒๔๑ คน ไม่เห็นด้วย ๑๕๙ คน ส่วนอีก ๒ ร่างคือร่างของภาคประชาชน (เสนอโดย เจริญ เจริญชัย) และร่างของพรรคก้าวไกล ที่ประชุมสภาฯ มีผู้ลงมติ ๔๒๐ คน เห็นด้วย ๒๕๗ คน ไม่เห็นด้วย ๑๕๖ คน งดออกเสียง ๗ คน.
