ในที่สุดรัฐสภาเกาหลีใต้ก็ผ่านร่างกฎหมายยุติการรับประทานและการจำหน่ายเนื้อสุนัขแล้ว หลังถูกกดดันจากหลายฝ่าย ขณะที่กลุ่มธุรกิจค้าสุนัขยังคงคัดค้านการผลักดันกฎหมายนี้ร่างกฎหมายที่ถูกเสนอโดยรัฐบาลของนายยุน ซอก ยอล ผ่านความเห็นชอบอย่างล้นหลาม ด้วยคะแนน ๒๐๘ เสียง จาก ๓๐๐ เสียง โดยอีก ๒ เสียง งดออกเสียงอย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ยังมีการผ่อนผันในช่วง ๓ ปีแรก ซึ่งหลังจากนั้นหากใครฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกสูงสุด ๓ ปี หรือปรับเป็นเงินราว ๘ แสนบาทความพยายามในการผลักดันกฎหมายห้ามกินเนื้อสุนัขของรัฐบาลภายใต้การนำของรัฐบาลประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ของเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จแล้ว หลังรัฐสภาเกาหลีใต้ก็ผ่านร่างกฎหมายยุติการรับประทาน และการจำหน่ายเนื้อสุนัขเมื่อวันที่ ๙ มกราคมที่ผ่านมา โดยได้รับความเห็นชอบอย่างล้นหลามด้วยคะแนน ๒๐๘ เสียง จาก ๓๐๐ เสียง และงดออกเสียง ๒ เสียง การผลักดันร่างกฎหมายครั้งนี้ นับว่ามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ซึ่งเขาและนางคิม คียง ฮี ภริยาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นคนรักสัตว์ และมีการรับเลี้ยงสุนัขและแมวจรจัดเอาไว้จำนวนมากtt ttโดยที่ผ่านมาความพยายามในการผลักดันกฎหมายห้ามรับประทานและจำหน่ายเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้ ต้องเจอกับการประท้วงคัดค้านจากผู้เพาะเลี้ยงสุนัขเพื่อรับประทานมาโดยตลอด โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖ ที่มีข่าวการเสนอร่างกฎหมายนี้ ก็มีผู้เพาะเลี้ยงสุนัข ๒๐๐ คนไปชุมนุมประท้วงใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีสำหรับกฎหมายใหม่นี้จะส่งผลให้การฆ่าสุนัข การเพาะเลี้ยงสุนัข การค้า หรือจำหน่ายเนื้อสุนัขเพื่อการบริโภคเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทั้งหมด ซึ่งกฎหมายนี้จะให้ระยะเวลาผ่อนผันนาน ๓ ปีเพื่อให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว โดยในปี ๒๐๒๗หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการผ่อนผัน หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกสูงสุด ๓ ปี หรือปรับ ๓๐ ล้านวอน หรือ ราว ๘ แสนบาท และรัฐบาลยังเสนอให้จะเงินชดเชยให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนี้ด้วยtt ttผลการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ไม่ทานเนื้อสุนัขกันแล้ว โดยผลสำรวจของกลุ่ม Animal Welfare Awareness พบว่าชาวเกาหลีใต้ ๙ ใน ๑๐ คนระบุว่าพวกเขาจะไม่ทานเนื้อสุนัขอีกในอนาคต ขณะที่ร้อยละ ๙๔ เผยว่าไม่ได้รับประทานเนื้อสุนัขในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ผลสำรวจก็ยังชี้ว่า ๑ ใน ๓ ของชาวเกาหลีใต้ยังคงคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทานเนื้อสุนัขก็ตาม ขณะที่นักเคลื่อนไหวต่างแสดงความยินดีกับกฎหมายใหม่นี้ โดยระบุว่านี่คือการสร้างประวัติศาสตร์ โดยมองว่าชาวเกาหลีใต้มาถึงจุดเปลี่ยนที่ชาวเกาหลีส่วนใหญ่ปฏิเสธการกินสุนัข และอยากให้เรื่องราวนี้กลายเป็นเพียงเรื่องราวในประวัติศาสตร์เท่านั้น ซึ่งวันนี้นโยบายของรัฐบาลทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว ขณะเดียวกันก็แสดงความเห็นถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจค้าสุนัขที่มักจะออกมาประท้วงรัฐบาลในการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยมองว่า เสียงประท้วงที่ออกมาไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการของผู้ประกอบการที่แท้จริง โดยเป็นเพียงเสียงของผู้เสียผลประโยชน์ที่ไม่พอใจและออกมากระตุ้นให้มีความเคลื่อนไหว เพราะธุรกิจการค้าเนื้อสุนัขไม่ได้มีแนวทางที่จะเติบโต เห็นได้จากผลสำรวจที่พบผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคเนื้อสุนัขน้อยลงทุกปีtt ttแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่า มูลค่าของอุตสาหกรรมเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้มีขนาดใหญ่เพียงใด แต่ข้อมูลจากรัฐบาลระบุว่ามีฟาร์มที่เพาะเลี้ยงสุนัขราว ๑,๑๐๐ แห่งที่ส่งขายสุนัขไปยังร้านอาหารต่างๆ เพื่อการบริโภครวมหลายแสนตัวต่อปี และมีโรงฆ่าสัตว์อีกราว ๓๔ แห่งทั่วประเทศ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรผู้เพาะเลี้ยงและผู้ค้าสุนัขเพื่อรับประทานเผยว่า กฎหมายนี้จะกระทบฟาร์ม ๓,๕๐๐ แห่งที่เลี้ยงสุนัข ๑ ล้าน ๕ แสนตัว และร้านอาหาร ๓,๐๐๐ แห่งtt ttทั้งนี้ ชาวเกาหลีใต้มีความเชื่อกันมานานว่า การรับประทานเนื้อสุนัขช่วยบำรุงสุขภาพในช่วงฤดูร้อนชื้นของเกาหลี เพื่อเพิ่มพลังงานให้รับมือกับสภาพอากาศร้อนได้ แต่ในปัจจุบันมีเพียงผู้สูงวัยบางคนเท่านั้นที่ยังรับประทานเนื้อสุนัข เนื่องจากชาวเกาหลีใต้เห็นสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงและเป็นสมาชิกของครอบครัว โดยก่อนหน้านี้เกาหลีใต้มีเพียงกฎหมายคุ้มครองสัตว์ เพื่อปกป้องการฆ่าสุนัขและแมวอย่างโหดร้ายเท่านั้น แต่ไม่ได้มีกฎหมายห้ามการบริโภคสุนัขแต่อย่างใด ซึ่งแม้ว่ากฎหมายใหม่นี้อาจจะถูกมองว่าเป็นการทำลายวัฒนธรรมด้านอาหารที่มีมาอย่างช้านานในเกาหลีใต้ แต่อย่าลืมว่าวัฒนธรรมของทุกแห่งมักมีการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน และมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้มีความเหมาะสมกับบริบทของสังคมนั้นๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งในยุคปัจจุบันที่มีอาหารการกินให้เลือกหลากหลาย การรับประทานเนื้อสุนัขที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนแท้ของมนุษย์อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก.tt ttผู้เขียน : อาจุมมาโอปอลที่มา : AP , Channelnewsasia , Timeคลิกอ่านข่าว รายงานพิเศษ
ผ่านร่าง ก.ม.ห้ามกินเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้ ใครได้ใครเสีย
Related posts