ถามช้างตอบม้า แกนนำเพื่อไทยบ่นกันยับ สับกันแหลก ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ ตอบไม่ชัด คลุมเครือกำกวมต้องตีความไทยเป็นไทย สรุปให้ไปคิดตัดสินใจเอาเอง โดยเฉพาะปมแหลมคม “ความคุ้มค่า” กับ “ภาวะวิกฤติ”คณะกรรมการกฤษฎีกาในฐานะที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล ออกตัวเชิงไม่ค่อยเห็นด้วยกับการจัดทำร่าง พระราชบัญญัติเงินกู้ ๕ แสนล้าน เพื่อนำไปใช้ในนโยบายเรือธง “ดิจิทัลวอลเล็ต”พอ “เสี่ยหนิม” นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง ทึกทักว่ากฤษฎีกาไฟเขียว ก็รีบออกมาบอกปัด ไม่มีไฟเขียว แต่ก็ไม่ใช่ไฟแดง สรุปคือกฤษฎีกาเปิดไฟเหลืองอมชมพูบางทีก็ไม่รู้จะถามไปทำไม รู้อยู่แล้วว่าแนวโน้มออกมาแบบนี้ โดนด้อยค่าเสียเวลาเปล่า เพียงแต่ต้องทำไปตามขั้นตอน ขืนไม่ทำก็โดนจับผิด โดนด่าทั้งปีแต่ถึงยังไง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ก็ตัดสินใจไปแล้วไม่เปลี่ยนแปลง เดินหน้าลุยไฟไปต่อ รอถกกรรมการดิจิทัล และเข้า คณะรัฐมนตรีอีกรอบ จากนั้นส่งต่อไปที่เวทีสภาฯให้ สส. สว.พิจารณาtt ttจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์โชว์ให้เห็นความมุ่งมั่นจริงใจ ไม่หวั่นไหวไขว้เขวในสิ่งที่สัญญาจะทำให้ประชาชน ใครจะว่ายังไงไม่สนตัวเองเชื่อหมดใจว่า “ดิจิทัลวอลเล็ต” คือนโยบายที่ใช่ ในเวลาที่ใช่“นายกฯนิด” ย้ำแล้วย้ำอีกว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจซบเซา ซึมยาวอยู่ที่ว่า สส. และ สว.จะเห็นด้วยเหมือนกันหรือไม่ และเป็นคำถามที่ต้องตอบ นี่เป็นเจตนาของการออกเป็น พ.ร.บ. รัฐบาลโยนสภาฯตัดสินใจ มัดคอเป็นจำเลยร่วมปลอดภัยกว่าออกเป็น พ.ร.ก.ร้อยเท่า เพราะผ่านหูผ่านตา ผ่านการพิจารณาจากฝ่ายกฎหมายรัฐบาล หน่วยราชการ รัฐสภา สส. สว. ไม่ได้ชงเองตบเองเหมือน พ.ร.ก.ประสบการณ์ออก พ.ร.ก. แล้วโดนฟาดด้วยไม้หน้า ๓ พลพรรคเพื่อไทยเจอกับตัวมาแล้ว ดังนั้นจะเก่งกล้าอย่างไรก็ไม่อยากเสี่ยง โดยเฉพาะด่านองค์กรอิสระที่สามารถให้คุณให้โทษถึงขั้นนอนมุ้งสายบัวอดีตที่ผ่านมาส่วนใหญ่คนเพื่อไทยไม่ตายก็คางเหลือง ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ๆ ยิ่งไม่ต้องสืบดังนั้นจึงต้องออกเป็น พ.ร.บ. แต่ก็มีจุดบอดสำคัญที่อาจทำให้ไปไม่รอด คือหักล้างย้อนแย้งกับเหตุผล “วิกฤติเร่งด่วน” ที่โดนนินทาด้อยค่าอย่างหนักเวลานี้ว่าไปก็น่าเห็นใจ ออกเป็น พ.ร.ก.ก็เสี่ยง ออกเป็น พระราชบัญญัติก็ถูกแย้งว่าไม่วิกฤติจริงแต่ทั้งหลายทั้งปวงคงต้องโทษตัวเอง เพราะเหนืออื่นใดคือเพื่อไทยบอกว่าจะ “ไม่กู้”และความจริงการเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค แถมยังข้ามขั้ว ดูมั่วๆมึนๆ ถ้ากล้อมแกล้มออกตัวแต่แรกว่าไม่สามารถผลักดัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ได้ คนก็น่าจะเข้าใจยอมรับได้แต่เมื่อเลือกเดินหน้าแบบสุดลิ่มทิ่มประตูมาถึงขั้นนี้แล้ว “นายกฯนิด” และ “เพื่อไทย” ก็หมดทางถอย หยุดเมื่อไหร่ตายทันทีดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นเหลืออยู่แค่ ๒ อย่าง นั่นคือทำให้สำเร็จ หรือถูกหยุดโดยมือผู้อื่นtt ttสมชาย แสวงการ“ดิจิทัลวอลเล็ต” กลายเป็นเผือกร้อน วัตถุอันตราย ไม่มีใครอยากให้มาหล่นตอนอยู่ในมือตัวเองบรรดา สส.และ สว. สวมบทซือแป๋กฎหมายรีบออกมาตีความคำตอบของกฤษฎีกากันระเบิดเถิดเทิง ส่วนใหญ่ไปทางเดียวกันว่า ไม่ได้ ไม่ผ่าน ไฟแดง รัฐบาลต้องหยุดเดี๋ยวนี้ขณะที่ตัวจี๊ดก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ แอบโวยกฤษฎีกา กลัวๆกล้าๆ ออกอาการผวาไม่ต่างกัน“น่าเสียดายที่กฤษฎีกาไม่ได้ตีความตรงๆ ว่าสรุปแล้วทำได้หรือไม่ ควรทำหรือไม่ เสียโอกาสที่อุตส่าห์รอคอยมา ๑ เดือน แต่คำตอบกลับไม่ชี้ชัดฟันธง”ส่วน สว.ตัวตึง สมชาย แสวงการ ย้ำให้รัฐบาลอ่านบันทึกกฤษฎีกาให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนสรุปทางออกดักคอเลยว่า ต้องขอโทษประชาชนและยกเลิกโครงการทันที อย่ามาใช้ช่องสภาฯ วุฒิสภา หรือศาลรัฐธรรมนูญคว่ำแต่ป่วยการรัฐบาลเพื่อไทยไม่เลิกแน่ “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ โดดล็อกคอขอความร่วมมือ “เศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่ยังเป็นข้อถกเถียง ต้องช่วยกันตอบ หรือไม่ก็ลองไปตลาดถามชาวบ้านดู”กรณี สว.จะขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา ๑๕๓ วิพากษ์รัฐบาลหลังทำงานได้แค่ ๓-๔ เดือน ท่ามกลางเสียงนินทาทิ้งทวนก่อนหมดวาระกลางปี เดือน พฤษภาคมนี้เจตนากระตุกเตือนเพื่อไทยถึงดีลอำนาจโครงสร้างใหญ่ผลประโยชน์ สถานะที่ต้องไปต่อร่วมกันอาจกลายเป็นเวทีโยนเผือกร้อน ให้ตัดสินใจ “ดิจิทัลวอลเล็ต”.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม