Thursday, 19 December 2024

ชัยชนะ ขึ้นชั้น ๑๔ ไม่ได้เจอทักษิณ ขอนายกฯ อนุมัติซ่อม CCTV เสียทั้ง รพ.ตำรวจ

12 Jan 2024
79

“ชัยชนะ” เผย ได้ขึ้นชั้น ๑๔ แล้ว แต่อยู่แค่หน้าลิฟต์ ไม่ได้เจอ “ทักษิณ” เตือนราชทัณฑ์ระวังจะตกเป็นจำเลยสังคมหากไม่แจงทุกข้อสงสัย ปูดกล้องวงจรปิดเสียทั้ง รพ.ตำรวจ ฝาก “เศรษฐา” อนุมัติงบ ๒ ล้าน ปรับปรุงด่วนเมื่อ ๑๒.๑๐ น. วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงพยาบาลตำรวจ หลังจากผ่านไปราว ๑ ชั่วโมงกว่า นายชัยชนะ เดชเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประฐานกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า วันนี้ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับโรงพยาบาลตำรวจ โดยมี พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์ สบ.๗ ว่าตอนนี้มีผู้ต้องขังมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจที่พักค้างคืนมีแค่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนเดียว ที่เหลือเป็นผู้ต้องขังที่ป่วยมารักษาแบบไปเช้าเย็นกลับ ทั้งนี้ ได้หารือตามกรอบระเบียบโรงพยาบาลตำรวจ อนุญาตให้ขึ้นไปชั้น ๑๔ โดยมีตัวแทนกรรมาธิการ ๒ คน เพื่อไปดูขั้นตอนและวิธีการคุมขัง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติหน้าที่อยู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน บนชั้น ๑๔ มีเจ้าหน้าที่ยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่ ๘ นาย เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ๒ คน ตำรวจท้องที่ ๓ คน และสันติบาลอีก ๓ คน หลังจากที่เห็นการทำงานบนชั้น ๑๔ แล้วก็ลงมาที่ชั้น ๗ ดูขั้นตอนการปฏิบัติกับนักโทษที่มารักษาโรคต้อกระจก ซึ่งวิธีการปฏิบัติก็ถูกต้องตามระเบียบเท่าเทียมกัน พร้อมเผยว่าตนเองไม่ได้เจอนายทักษิณ บนชั้น ๑๔ เนื่องจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อนุญาตให้กรรมาธิการดูได้แค่บริเวณหน้าลิฟต์เท่านั้น “วันนี้มาเพื่อให้สังคมหายข้อสงสัย สิ่งที่ทำได้ตามระเบียบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายคือได้เจอเจ้าหน้าที่ ส่วนนายทักษิณ นอนรักษาตัวที่ชั้น ๑๔ หรือไม่ก็เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ชี้แจง เพราะมี พระราชบัญญัติส่วนบุคคล มีสิทธิ์ที่จะให้ใครเยี่ยมหรือห้ามเยี่ยม ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่วันนี้กรรมาธิการไม่ได้มาขอเยี่ยมใครคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่มาดูขั้นตอนและวิธีปฏิบัติเท่านั้น” ส่วนวิธีการรักษา นายทักษิณ ก็ไม่ได้บอกอยู่แล้ว เพราะอยู่ในความควบคุมของแพทย์ ซึ่งก่อนหน้านี้โรงพยาบาลก็ได้มาเปิดเผยเบื้องต้นแล้วว่า นายทักษิณป่วยและรักษาอยู่หลายโรค ทั้งนี้การควบคุมตัวของนายทักษิณ บนชั้น ๑๔ เจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์ ได้ส่งภาพถ่ายทางไลน์ให้กับผู้บังคับบัญชา เพื่อรายงานทุก ๒ ชั่วโมง และในห้องที่ผู้ต้องขังพักอยู่ก็ไม่ได้ล็อก ผู้คุมสามารถเดินเข้าห้องได้ตลอดเวลา นายชัยชนะ กล่าวต่อไปว่า กรรมาธิการไม่ก้าวล่วงการรักษาของแพทย์หลังจากที่ประชาชนสงสัย นายทักษิณ นอนพักรักษาตัวนาน ๑๔๐ วัน แต่อาการป่วยก็ยังไม่หาย เพราะหน้าที่ของกรรมาธิการคือมาหาข้อเท็จจริง หลังจากนี้ต้องกลับไปถามกรมราชทัณฑ์และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ในเอกสารที่กรรมาธิการขอไปว่า ผู้คุมคนไหนที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ดูแลนายทักษิณ และเปลี่ยนเวรกันอย่างไร รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่แจ้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหากเกินสามารถเบิกใช้ส่วนตัวได้นั้น ใช้ระเบียบข้อไหน และสุดท้ายคือสำเนาใบ รท.๑๐๑ ซึ่งเป็นประวัติก่อนเข้าเรือนจำของนายทักษิณ ว่าได้ทำไปหรือไม่ ซึ่งข้อสงสัยของโรงพยาบาลตำรวจวันนี้ถือว่าสิ้นข้อสงสัยแล้ว“ถือว่าได้ทำหน้าที่ตามอำนาจของของกรรมาธิการที่กฎหมายบัญญัติแล้ว เบื้องต้นได้ขอเอกสารจากกรมราชทัณฑ์ประกอบด้วย ๑. เอกสารผู้ที่จะเดินทางมาเยี่ยมแล้วลงลายมือชื่อไว้ ๒. เอกสารค่าใช้จ่ายการรักษา ที่เดิมใช้สิทธิ์การรักษาของ สปสช. แต่สิ้นสุดหรือเกินเวลาที่กำหนดจึงใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวได้ กรณีนี้อยู่ในข้อบังคับข้อไหนของกรมราชทัณฑ์ ๓. สำเนาใบกรอกประวัตินายทักษิณก่อนเข้าเรือนจำ ได้มีการกรอกไว้หรือไม่ ถือเป็นการสอบถามตามขั้นตอนปฏิบัติของกฎหมาย สิ่งไหนกรมราชทัณฑ์จะให้ได้หรือไม่ได้ก็ขอให้ตอบมา ทางกรรมาธิการยังคงติดตามเรื่องนี้ต่อ”ประธานกรรมาธิการตำรวจ เผยอีกว่า วันนี้โรงพยาบาลไม่ได้นำภาพการรักษาของนายทักษิณมาแสดงให้กรรมาธิการดู เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล ส่วนการเข้ามาศึกษาดูงานของกรรมาธิการครั้งนี้ แตกต่างจากองค์กรอิสระและเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่เข้ามาก่อนหน้าหน้านั้นอย่างไรนั้น ย้ำว่ากรรมาธิการมาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๒๙ มาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สังคมสงสัย ยืนยันว่าจะทำตามกรอบและอำนาจหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจให้ได้แค่ไหนก็แค่นั้น วันนี้ต้องขอบคุณโรงพยาบาลตำรวจที่อนุเคราะห์ให้ขึ้นไปถึงชั้น ๑๔ ไปดูถึงหน้าห้องได้ ส่วนบนชั้น ๑๔ จะมีนายทักษิณนอนรักษาตัวอยู่จริงหรือไม่นั้น ตนเองตอบไม่ได้เพราะไม่ได้เห็น เพราะขึ้นไปในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น อยู่แค่หน้าชั้น ที่เหลือเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ ไม่ได้เห็นลักษณะห้องหรือเดินเข้าไปภายในโซนที่นอนพักรักษา เอาไว้วันหลังถ้าตนเองป่วยแล้วจะเข้าไปรักษาตัวที่ชั้น ๑๔ แล้วจะบอกได้ว่าห้องนั้นเป็นอย่างไร แต่ตนเองคงจะไม่ มาวันนี้ไม่ได้ผิดหวัง เพราะได้ขึ้นไปชั้น ๑๔ แล้วขณะเดียวกัน นายชัยชนะ ยังกล่าวอีกว่า นายทักษิณไม่ได้ทำผิดอะไร แต่กรมราชทัณฑ์ถ้าไม่ต้องการตกเป็นจำเลยของสังคม ก็ต้องชี้แจงข้อสงสัยทั้งหมดให้สังคมเข้าใจถ้าวันไหนชี้แจงไม่เข้าใจให้จำคำตนเองไว้ว่าจำเลยของสังคมก็คือกรมราชทัณฑ์ ส่วนโรงพยาบาลตำรวจสิ่งที่ทำวันนี้ถูกต้องที่สุดแล้วให้ความร่วมมือและข้อเท็จจริงกับกรรมาธิการตำรวจ อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางกลับ นายชัยชนะ ยังได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ได้ข้อมูลมาจาก พล.ต.ต.สามารถ ว่ากล้องวงจรปิดของตึกที่นายทักษิณนอนรักษาตัวอยู่เสียทั้งหมด และไม่ได้เสียแค่ตึกเดียว แต่เสียทั้งโรงพยาบาลตั้งแต่ปีที่แล้ว จึงอยากฝากไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้อนุมัติงบประมาณให้โรงพยาบาลตำรวจ ๒ ล้านบาท เพื่อดำเนินการปรับปรุงและเปลี่ยนกล้องวงจรปิดใหม่ทั้งหมด.