Thursday, 19 December 2024

“เฉลิมชัย” เผย “เฮียเก้า” ไม่ใช่น้องคนละแม่ ขู่ฟ้องกลับถ้าโยงเสียหาย

“เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ยืนยัน “หลี่ เซิ่งเจียว” ที่ถูก ดีเอสไอ ออกหมายจับหมูเถื่อน ไม่ใช่น้องคนละแม่ แจง ปมนามสกุลเหมือนบ้านใหญ่ประจวบฯ แค่ขอใช้ ลั่น ผิดว่าตามผิด ไม่ปกป้อง อย่าตีกินการเมือง พร้อมแจงได้ทุกอย่าง ขู่ฟ้องกลับถ้าโยงเสียหาย               วันที่ ๑๒ ม.ค. ๒๕๖๗ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะอดีต รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหมายจับขบวนการนำเข้าเนื้อหมู และตีนไก่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และได้นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาด รวมถึงนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ เฮียเก้า นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย-เอเชีย ที่มีรายงานว่าเป็นน้องชายต่างมารดาของนายเฉลิมชัย ว่า ข่าวที่ว่านายหลี่ เซิ่งเจียว เป็นพี่น้องต่างมารดากับตนนั้น เป็นเรื่องเท็จ เพราะบิดาของตนอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า ๘๐ ปีแล้ว โดยหลังจากที่บิดาของตนมาอยู่เมืองไทย ก็ไม่เคยกลับไปประเทศจีนอีกเลย แล้วเขาจะไปมีลูกที่จีนได้อย่างไร โดยเป็นกรณีของครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนทั่วไปที่มีญาติอยู่ในจีน และญาติชาวจีนก็สามารถมาทำธุรกิจในไทยได้ ซึ่งถ้าเขาทำผิด ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย และตนก็ไม่รู้จักบ้านของนายหลี่ เซิ่งเจียว รวมถึงไม่เคยไปบ้านและที่ทำงานของเขาด้วย ส่วนกรณีที่เคยเจอกันในงานนั้น ก็เป็นเพราะได้รับเชิญให้ไปร่วมงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนักธุรกิจและข้าราชการมาร่วมงานจำนวนมาก และมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราจะรู้ได้ทั้งหมดว่า ใครทำอะไร อย่างไรบ้าง             เมื่อถามถึงกรณีของบุตรชายของนายหลี่ เซิ่งเจียว คือนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับนายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ พี่ชายของนายเฉลิมชัย และนายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรค ปชป. และเป็นหลานชายของนายเฉลิมชัย นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนรู้แค่ว่าเป็นการมาขอใช้นามสกุล แต่ไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ ชีวิตของตนไม่เคยเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนพวกนี้ ไม่เคยรับเงินสกปรกทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพราะในชีวิตของตนเกลียดการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้น ถ้าเป็นการกระทำความผิดของใคร บุคคลนั้นๆ ก็ต้องรับโทษและเข้าสู่กระบวนยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อไปในชั้นศาล ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการยกเว้น ซึ่งตนไม่เคยปกป้องคนทำผิด โดยบอกกับคนใกล้ชิดและข้าราชการแล้วว่า ถ้ามีใครทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ตนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือปกป้องเด็ดขาด“ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าคนทำผิด เป็นญาติหรือคนสนิทของผม เขาก็ต้องรับโทษ ผมไม่ปกป้องอยู่แล้ว ขอให้เอาความจริงมาพูดกัน อย่าเอาประเด็นทางการเมืองมาโยง มันไม่มีประโยชน์ วันนี้การที่เรารู้จักใครสักคน มันไม่มีทาง ที่เราจะรู้ได้หมดว่าแต่ละคนที่เรารู้จักนั้น เขาทำอะไรบ้าง แม้กระทั่งญาติพี่น้อง บางคนก็ยังไม่รู้ว่าพี่น้องที่อยู่บ้านเดียวกัน ทำธุรกิจอะไรบ้าง เพราะฉะนั้น ใครทำอะไรไป ก็ต้องรับผลของการกระทำตรงนั้นของแต่ละคน  ถ้าเขาไม่ได้ทำผิด ก็ต้องต่อสู้คดี แต่ถ้าทำผิด เขาก็ต้องรับโทษ ผมเชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง ขอฝากบอกถึงทุกคนได้เลยว่าขอให้เชื่อเถอะว่า กฎแห่งกรรมมีจริง” นายเฉลิมชัย กล่าวนายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ตนสามารถชี้แจงทุกอย่าง และสมัยที่ตนเป็นรมว.เกษตรฯ นั้น ตอนที่ปรากฏข่าวพบการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนเข้ามา ตนได้สั่งการอธิบดีกรมปศุสัตว์ว่าห้ามปล่อยเนื้อหมูเหล่านั้นออกจากท่าเรือหรือสถานที่ต่างๆ ต้องไม่มีการเคลียร์หรือยินยอมให้นำเนื้อหมูดังกล่าวออกมา ถ้าถูกนำเข้ามาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คำสั่งนี้ของตนจึงเป็นที่มาของการอายัดเนื้อหมู ๑๐๐ กว่าตู้ ซึ่งสามารถไปสอบถามเรื่องคำสั่งนี้จากข้าราชการของกระทรวงเกษตรฯ ได้เลย ขณะที่ทางกระทรวงฯ ได้มีการจับกุม อายัด และทำลายเนื้อหมูเถื่อนแล้ว ส่วนจะมีข้าราชการคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตน ตอนนี้ให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการ แต่ถ้ามีใครมาทำอะไรให้ตนได้รับความเสียหาย ก็จะดำเนินตามกฎหมายต่อไป