กระแสดีฟินกันทั้งในจอและชีวิตจริง!! พระเอกสุดฮอต “นนกุล-ชานน สันตินธรกุล” โคจรมาประกบคู่กับนางเอกตัวแม่ “แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” ในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ “หารักด้วยใจเธอ Find Yourself” ภายใต้การผลิตของ “GMMTV” ที่จับมือร่วมกับ “Insight Entertainment” ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา ๒๐.๓๐ น. ทางช่อง GMM๒๕ และเวลา ๒๒.๓๐ น. ทาง Viu พร้อมกันในประเทศจีน รับชมบนแพลตฟอร์มจีน ได้ที่ Tencent Video และ YOUKU ในบทบาทเชน (นนกุล) กับหยิน (แอฟ) ก็ชวนฟินชวนลุ้น ส่วนชีวิตจริงก็ค่อยๆสานความสัมพันธ์เป็นคู่รักที่มีแต่โมเมนต์ความสุขให้แฟนๆ เลยต้องคว้าตัวนนกุลมาคุยถึงที่มาที่ไปที่ทำให้ก่อเกิดความฟินนี้เรื่องนี้ความฟินเริ่มจากนอกจอทะลุเข้ามาในจอ?“(หัวเราะ) ก็ดีใจครับ ดีใจทุกครั้งไม่ว่าจะในจอสู่นอกจอ หรือจะนอกจอสู่ในจอ คนทำงานก็ชื่นใจก็คิดว่าอาจจะมีส่วนช่วยให้คนดูสนุกขึ้น ฟินขึ้น พอนอกจอเห็นผมกับพี่แอฟอยู่ด้วยกันเลยเป็นเรื่องธรรมชาติ”บทบาทของนนกุลในเรื่องนี้? “ในเรื่องผมรับบทเป็น “เชน” นักศึกษาฝึกงาน เป็นคนจิตใจดีที่มีความคลั่งรักตัวเจ้านายคนเก่งอย่างพี่แอฟมากๆ การทำงานในกองสนุกครับ ช่วงแรกๆอาจจะมีเกร็งๆกันอยู่บ้าง เพราะไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่พอสักพักได้ลองเวิร์ก ช็อปและเปิดใจคุยกันเรื่อยๆก็กลายเป็นสนิทกัน จนมีความลื่นไหลในการเข้าฉากด้วยกันมากขึ้น”ย้อนกลับไปวันแรกที่ได้ร่วมงานกัน มองนางเอกชื่อ “แอฟ-ทักษอร” เป็นยังไง? “ก็ตื่นเต้นครับ เราไม่เคยร่วมงานกับพี่เค้ามาก่อนเลยและไม่เคยเจอตัวจริงมาก่อน ไม่เคยเจอในอีเวนต์ใดๆ เลยรู้สึกตื่นเต้นนิดนึง ด้วยความที่พี่เค้าเล่นในสายละครมาตลอด ส่วนเราก็เล่นในสายซีรีส์ตลอดเลยไม่ได้มีโอกาสหรืออยู่ในลิสต์ที่เรานึกถึงเป็นคนแรกๆ ว่าจะได้ร่วมงานด้วยเลย แต่พอจะได้มาร่วมงานด้วยเลยตื่นเต้นเพราะว่าอยากรู้อะไรใหม่ๆจากพี่เค้าด้วยเพราะพี่เค้าจะมี Input ของเค้าเอง เราก็มี Input ของเรา แต่ส่วนใหญ่ก็อาจจะมาจากผมเพราะเรื่องนี้เป็นซีรีส์ด้วยเป็นทางของผม มีการแลกเปลี่ยนทางการแสดง พี่เค้าชินกับระบบ ๓ กล้อง เค้าก็ชินกับระบบ ๒ กล้อง เวลาเราจะพูดคุยปรึกษากัน ผมจะพูดในเชิงว่าผมขอปรึกษาหน่อยครับ พี่เห็นว่าอย่างไร”tt ttแล้วการเล่นเป็นคู่รักกุ๊กกิ๊กทำการบ้านยังไง?“พอในเรื่องมันมีเมสเสจคือทดลองเป็นแฟนกัน ผมเลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจนะ เลยเอาไอเดียนี้มาเวิร์กช็อปประมาณ ๑๕ นาทีต่อวันและมันก็เป็นสิ่งที่ดี คือไม่ใช่ทุกตัวละครที่เป็นแฟนกัน แล้วผมจะมาใช้วิธีนี้ แต่มันบังเอิญเฉพาะเจาะจงเรื่องนี้พอดีเลย”เวิร์กช็อปนั้นมีส่วนก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ในชีวิตจริงมั้ย? “ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายในระยะยาวมันไปช่วยอะไรมั้ยแต่ตอนเราทำเราก็ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะผมพูดจริงๆว่าถ้าตอนนั้นผมไม่บริสุทธิ์ใจ ผมไม่กล้าทำแบบนั้น ไม่มีทางเลย แต่คือเราได้เห็นความน่ารักของพี่เค้าตั้งแต่วันนั้นเลยแล้วกัน เพราะตอนที่เราขอไปเราก็กล้าๆกลัวๆนะ”ที่ไม่ได้เปิดตรงนั้นก็อาจจะไม่ได้มีจุดเริ่มต้นเปิดใจ? “ใช่ เราก็จะไม่รู้เลยว่าตอนหน้าเซตเราจะเล่นได้มากน้อยแค่ไหน จะกล้าเล่นกับพี่เค้าได้แค่ไหน ต้องขอบคุณเค้าที่ฟังเรา ณ ตอนนั้น เปิดรับยินดีที่จะฟัง”พอร่วมงานจริงๆเรายกให้เค้าเป็นตัวแม่ในความเป็นนางเอกมั้ย? “ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ด้วยที่พี่แอฟเล่น ยังไม่เคยเห็นพี่แอฟเล่นแนวนี้ เลยรู้สึกแปลกใหม่และพี่แอฟก็เก่งมากๆครับ”คนอินอยากเป็นหยินฟินไปทุกจุดเพราะเราเข้าถึงบทบาททั้งคู่? “ผมว่ามันต้องอาศัยทุกๆคน ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว สมมตินางเอกไม่ได้เป็นพี่แอฟ เป็นคนอื่นๆ หรือใครก็แล้วแต่ที่เราเข้าซีนด้วย แล้วเค้าเล่นด้วยไม่โอเค ผมจะเข้าถึงบทบาทแค่ไหนมันก็ไม่รอดอยู่ดี”เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐความรู้สึกพิเศษค่อยๆซึมซับระหว่างการได้ร่วมงานกันรึเปล่า?“ใช่ครับ แต่ถึงจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นตอนที่เราเริ่มป่วยก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะกล้าคุยกับพี่เค้าในแนวนั้นเลย มันก็ต้องค่อยๆทีละนิดๆ กว่าจะกล้าจริงๆในฝั่งผมที่กล้าเริ่มนิดๆ หน่อยๆแน่นอนคือปิดกล้องแล้ว ผมจะไม่ให้มันเกิดในกองมันจะดูไม่โปรเฟสชันแนลพอน่าจะหลังปีใหม่ ถ่ายจบเดือน สิงหาคมก็ค่อยๆคุยพี่น้องถ่ายจบจริงๆแล้วไม่มีอะไรต้องคุยกัน ผมเป็นคนอินโทรเวิร์ตจัดๆเลย ปกติเล่นจบแล้วก็จบเลย แต่ครั้งนี้ผมก็มีชวนคุยเรื่อยๆในแนวพี่น้อง ถ้าเป็นในมุมมองพี่เค้าอาจจะไม่รู้สึกนะผมคิดว่า แต่พอปีใหม่ไปแล้วมันก็เลยเริ่มเพิ่มทีละนิดๆมากขึ้น ส่วนตัวผมคิดเองว่าเค้าน่าจะรู้ตัวกลางปี ผมก็ติดตามสัมภาษณ์ของพี่เค้าเป็นช่วงๆ บางทีถึงแม้ว่าเค้าจะพูดว่ามีคุยๆก็ตาม เราก็ไม่รู้หรอก ไม่มีทางมั่นใจจริงๆ เพราะเราก็ต้องเผื่อใจตัวเองไว้”เข้าไปแบบไม่บุ่มบ่าม? “ไม่กล้าบุ่มบ่าม ช่วงแรกไม่ได้มีหยอดอะไรเยอะจริงๆ เพราะเราไม่อยากให้พี่เค้าอึดอัดก็ค่อยๆหาทาง”ความมั่นใจทั้งสองฝ่ายเริ่มตอนไหน? “ผมแน่ใจว่าพี่เค้าน่าจะรู้สึกดีๆด้วยก็ก่อนช่วงงานคุณพ่อพี่เค้าได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นตอนที่ไปร่วมงานคุณพ่อพี่เค้า ผมก็เลยสามารถไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างบริสุทธิ์ใจว่ามันเหมาะสม คือถ้ามันยังไม่ชัดเจนเราจะไปอยู่ตรงนั้นไม่ได้ จริงๆกว่าจะกล้าถามพี่เค้าก็ใช้เวลาเหมือนกัน”tt ttในซีรีส์ขยับตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ชีวิตจริง ณ วันนี้เป็นยังไง?“แฮปปี้ แต่ยังไม่ได้ใช้คำว่าแฟนครับ เพราะเรื่องพวกนี้พอจะใช้คำนี้กับพี่เค้าด้วย จะมาเป็นปั๊ปปี้เลิฟหรือมั่วๆซั่วๆไม่ได้ อยากจะใช้เวลาตรงนี้เอาให้ชัวร์ดีกว่า ไม่ใช่ว่ายังไม่ชัวร์เลยแล้วก็เป็นแฟน ไปบอกทุกคน แล้วพอมันจบ มันก็ไม่ดีสำหรับพี่เค้าด้วย”นนกุลเคยบอกมุมมองความรักว่ารักใครให้เต็มร้อย และอยากได้ร้อยกลับมา รักครั้งนี้ล่ะ? “(หัวเราะ) แน่นอน ผมว่าทุกคนก็น่าจะคล้ายๆผม เวลาเรารักใครเราก็คงหวังว่าเค้าจะรักเราเต็มร้อย แต่เรื่องนั้นผมไม่ห่วงนะ ผมว่าพี่เค้าเป็นคนที่คุยด้วยแล้ว เวลามองตาด้วยผมสัมผัสได้เลยว่าพี่เค้าเต็มไปด้วยความรักจริงๆ แต่สุดท้ายผมว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ความชอบกันหรอก มันอาจจะอยู่ที่ทัศนคติบางอย่างในชีวิตที่สุดท้ายแล้วในระยะมันยาวมันจะสามารถไปด้วยกันได้มั้ย ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเรียนรู้และทดลองไปก่อนครับ”อะไรในตัว “แอฟ” ทำให้ต้องเป็นคนนี้ที่เราอยากดูแล?“ผมว่าการชอบใครสักคน โอเค ถ้าพูดในนิสัยเค้าในเชิงที่เรานึกถึงได้คือเค้าเป็นคนเทกแคร์คนอื่นทุกๆคนได้อย่างดีและเป็นธรรมชาติมากๆ เราสัมผัสได้ว่าการที่พี่เค้าช่วยเหลือใครสักคน หรืออะไรก็แล้วแต่ หรือเวลาที่ส่งของไปให้เวลาเค้าป่วย มันไม่ได้รู้สึกว่าเค้าทำเพราะว่าต้องการอะไรสักอย่าง เค้าทำเพราะเป็นธรรมชาติของเค้าที่เราสัมผัสได้ และส่วนเหตุผลที่ทำให้ผมชอบเค้าก็คงเป็นสัญชาตญาณมั้งครับ (ยิ้ม) บางทีมันไม่ได้มีเหตุผล”กับหลายๆปัจจัยที่อาจจะทำให้มองว่าความสัมพันธ์มันเกิดขึ้นได้ยาก แล้วอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าไปต่อได้? “ก็ไม่รู้หรอกครับในช่วงแรกๆ ก็ค่อยๆคลำทางไป เอาตรงๆ ผมไม่รู้เลยว่ามันจะมาถึงจุดนี้ได้”ไม่ใช่ว่าตั้งเป้าต้องพิชิตใจเหมือนในซีรีส์? “ผมก็ไม่ได้แพรวพราวอะไรขนาดนั้นครับ เราก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เราไม่ได้คาดคิดแต่แน่นอนเราก็คาดหวังอยู่แล้ว (ยิ้ม)”นนกุลเป็นคนมีความคิดเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว การเรียนรู้กับแอฟได้เติมมุมมองอะไรที่ทำให้เราเติบโตขึ้นอีกบ้าง? “ก็ทำให้ผมได้ใกล้เคียงเป้าหมายในชีวิตของผมอีกหนึ่งอย่างคือเรื่องการมีครอบครัว ถ้าถามว่าได้เจออะไรที่เติบโตก็น่าจะเป็นการได้ไปเจอสังคมของพี่เค้าที่เราไม่เคยมีและก้าวเข้าไป เลยรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมทำได้ดีมั้ยนะ ก็พยายามหาเรื่องที่เราคุยด้วยได้”แล้วความเป็นเราได้เติมเต็มอะไรให้เค้าบ้าง? “สิ่งที่เห็นเปลี่ยนแปลงคือเค้าเป็นคนเร็วขึ้นนิดนึง และกล้ากินเยอะขึ้น และผมบอกว่าออกกำลังกายหน่อยได้มั้ย (ยิ้ม)”tt ttคู่เราเป็นคู่ที่กองเชียร์แน่นมาก เชียร์กันคึกคักทั้งประเทศ?“ดีใจมากๆแน่นอนว่ากองเชียร์ดีกว่ากองแอนตี้ เราโอเค ดีใจที่ทุกคนแฮปปี้ไปกับเรา”แล้วกับคอมเมนต์อีกด้าน? “ถ้าคอมเมนต์เป็นห่วงเราเข้าใจเห็นถึงเจตนาดี รับรู้ ถ้าสุดท้ายมันไปได้ดีผมว่าสิ่งเหล่านี้มันจะเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นคำตอบเองว่าสิ่งที่คุณกังวลไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เราก็อยากไปต่อให้ดีที่สุด ส่วนคอม เมนต์ที่ลบมากๆเราแค่รู้สึกว่าด้วยยุคสมัย พอเป็นสมัยนี้ที่ทุกอย่างเปิดกว้าง ผมแค่รู้สึกว่าสิ่งที่เค้าพูดส่วนใหญ่มันไม่ค่อยมีน้ำหนักเลยไม่ได้ซีเรียสกับมัน สุดท้ายมันเหมือนที่พี่แอฟเคยพูดว่ามันเป็นปัญหาของเค้าไม่ใช่ปัญหาของเราเพราะมันเป็นสิ่งที่เราควบคุมเค้าไม่ได้”หลายคนแอบแซวกลัวว่าหวานแบบนี้จะมีวันที่นนกุลจะหมดโปรโมชันมั้ย?”“ผมมองว่าการหวานมีโปรโมชันในช่วงแรกๆมันเป็นเรื่องธรรมดามากๆเลย ผมไม่ได้อยากมานั่งทำเป็นว่าฉันอยากจะไม่หวานตอนต้น ฉันจะได้ดูเหมือนเดิมไปตลอด มันดูสร้างอีโก้บางอย่างให้ตัวเองว่าคุณต้องแฮปปี้กับฉันเพราะฉันเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่ต้น ผมไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องทำแบบนั้นทำไม ก็ในเมื่อคุณรู้สึกอย่างไร ณ ตอนนั้นและมันสร้างความทรงจำดีๆ ให้พวกเราสองคนก็ทำไปเถอะ ในอนาคตถ้ามันจะหวานน้อยลง ทุกคนเข้าใจอยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ หมดหวานแล้วก็ยังอยู่ด้วยกันได้ยังผูกพันกัน มีครอบครัวใช้ชีวิตด้วยกันแล้วค่อยคิดว่าวันวานฉันเคยหวานกับเธอยังไง ซึ่งวันนั้นในอนาคตมันก็จะพาให้มีอะไรที่ลึก ซึ้งกว่าวันแรกๆมาบาลานซ์ กันอยู่ดี ผมก็อาจจะหมดโปรก็ได้แต่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบในการเทกแคร์พี่เค้า” เปลี่ยนโปรได้แต่ความรู้สึกไม่เปลี่ยน? “ไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว”ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิสูจน์ตัวเอง? “ด้วยครับ ไปเจอสังคมพี่เค้าเยอะๆว่าเราโอเคกับมันมั้ย หรือพี่เค้ามาเจอสังคมผมว่าเค้าโอเคมั้ย ผมว่ามันค่อนข้างสำคัญ ก่อนที่จะขยับสถานะ”ให้เวลาพิสูจน์ตัวเองกี่ปี? “โดยเฉลี่ยก็ ๓ ปี ถ้าตอนนั้นเรายังตอบเส้นทางระยะยาวชีวิตเราไม่ได้จริงๆ ผมก็ไม่อยากให้เค้าเสียเวลา อยากให้เค้าได้เจอคนที่ไปกับเค้าได้ดีกว่าผม ผมยินดีนะแต่วันนี้ผมแฮปปี้มากๆที่มีพี่เค้า”การมีความรักตอนนี้ยิ่งทำให้เราเป็นหนุ่มฮอต? “ส่วนตัวผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะกับใคร ผมว่าผมก็จะกล้าเปิดเผยกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว มันแค่บังเอิญว่าคนคนนั้นเป็นพี่เค้าและมันก็สร้างผลตอบรับที่ดี ซึ่งเราก็ขอบคุณครับ”เป้าหมายชีวิตการงานของเรา ณ วันนี้?“ผมยังไม่ละทิ้งความฝันเดิม เพิ่มเติมมีความฝันใหม่ด้วยก็คือเรื่องของวงการบันเทิงที่เรารู้สึกว่าเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วงการบันเทิงไทยเราดีขึ้นไปอีกให้ไปสู่มาตรฐานสากลโลกได้อย่างเต็มอก แต่สุดท้ายถ้าเราจะไม่ได้มีส่วนร่วมตรงนั้นแต่วงการบันเทิงไปถึงตรงนั้นก็เอาเลยครับ ผมยินดีมากๆ แต่ถ้าคนที่คิดจะทำแล้วหาแนวร่วม ก็มาคุยกันได้ผมยินดีที่จะใช้ความรู้ความสามารถเท่าที่ตัวเองรู้ตัวเองมีช่วยในส่วนที่ตัวเองช่วยได้ ส่วนเป้าหมายถ้าเป็นในแง่วงการบันเทิง ผมก็คงเป็นนักแสดงไปเรื่อยๆจนกว่าจะทำไม่ได้ ในอนาคตก็อยากลองเขียนบทเป็นผู้กำกับ ยังอยากอยู่ในการแสดงเพราะเป็นอาชีพที่สร้างตัวตนเราให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น สร้างเงินให้ตัวเอง ให้มีชีวิตอยู่ได้ในสังคม เราก็แฮปปี้กับงานตรงนี้ก็ทำต่อไป ถึงจุดนึงก็อยากพัฒนาความสามารถ ตัวเองและได้ผลักดันวงการ และพิสูจน์มุมมองในหัวที่ตัวเองมีว่าพอมันออกมาเป็นของจริงมันจะรู้เรื่องมั้ยและผลักดันนักแสดงรุ่นใหม่”แลกเปลี่ยนความฝันตรงนี้กับแอฟมั้ย? “มีเรื่อยๆครับ แต่เราก็ไม่ได้อยากพูดอะไรที่จะไปกดดันพี่เค้า ช่วงนี้เราก็แฮปปี้ไป ศึกษากันไปคู่ขนานกันไป”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัยคลิกอ่าน “คนดังนั่งคุย” เพิ่มเติม
"นนกุล" ฟิน "แอฟ" ในจอสู่ชีวิตจริง เผยรักนี้จะหมดโปรมั้ย ไม่คาดคิดแต่คาดหวัง
Related posts