Thursday, 19 December 2024

ปฏิรูปการศึกษาเพื่อเด็กไทย

วันเสาร์สบายๆวันนี้ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ได้มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี ๒๕๖๗ ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” เป็นคำขวัญที่มีความหมายลึกซึ้ง เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีความหลากหลายในด้านต่างๆเพิ่มขึ้น สังคมสลับซับซ้อนมากขึ้นนายกฯขยายความด้วยว่า เด็กไทยเก่ง มีศักยภาพ มีความคิดดี และทันสมัย หน้าที่ของรัฐบาลคือการสนับสนุนให้เด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจในตัวเอง ตนอยากให้เด็กไทยเอนจอยกับการใช้ชีวิตในวัยเด็ก แต่ขณะเดียวกันก็มีโลกทัศน์ที่กว้าง มีความเป็นไทยพร้อมๆกับมีความเป็นสากล เป็นพลเมืองของโลกที่สามารถเคารพความแตกต่างหลากหลายได้ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไปสอดคล้องกับคำขวัญวันครูประจำปีนี้ ที่นายกฯมอบให้ว่า “ครูวางฐานคิด ส่งเสริมศิษย์สร้างสรรค์”เพราะครูคือผู้นำความรู้ทั้งจากในตำรา และจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาถ่ายทอดให้กับศิษย์ งานของครูในโลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ จึงไม่ใช่แค่การสอนหนังสือให้ความรู้ตามตำรา แต่ครูยังต้องใส่ใจสอนวิธีคิด และวิธีจัดการกับข้อมูลที่มีอยู่อย่างหลากหลาย เพื่อให้ศิษย์สามารถจัดระเบียบความคิดได้ รวมถึงเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ด้วยตัวเองอย่างมีคุณภาพจากคำขวัญวันเด็กและคำขวัญวันครู สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของนายกฯที่อยากเห็นเด็กไทยได้รับการอบรมสั่งสอนและเรียนรู้อย่างสนุกสร้างสรรค์ ทั้งศาสตร์และศิลป์ พัฒนาตัวเองให้อยู่ได้อย่างมีความสุขทั้งในปัจจุบันและอนาคตช่วงวันเด็กทุกปี สื่อมวลชนมักจะเรียกร้องรัฐบาลให้แก้ปัญหาวิกฤติทางการศึกษา ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมา ๒๐-๓๐ ปี ผลชี้วัดคุณภาพทางการศึกษาของเด็กไทยตกต่ำลงตลอด รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการทุกคนได้แต่แบ๊ะๆหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย แต่แก้ไขปัญหาไม่ได้การประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA ทำการประเมินทุก ๓ ปี ทดสอบวัดผลใน ๓ ด้าน ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ การอ่าน ปรากฏว่า ผลการสอบ PISA ๒๐๒๒ นักเรียนไทยได้คะแนนทั้ง ๓ ด้านต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก OECD อย่างมาก และเมื่อเทียบกับผลการสอบ PISA ๒๐๑๘ คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนไทยก็ลดลงทั้ง ๓ ด้านด้วยพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ บอกว่า จะปรับทิศทางการจัดการเรียนการสอน มุ่งสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น และส่งเสริมเรื่องการอ่าน คาดว่าการประเมิน PISA ๒๐๒๕ จะดีขึ้นอย่างแน่นอน หากวางแนวทางแก้ไขปัญหาแล้วผลคะแนนในรอบถัดไปยังไม่ดีขึ้นจะขอรับผิดชอบในการพิจารณาตัวเองก็ถือเป็นการแสดงสปิริตที่ดี กล้าท้าพิสูจน์ฝีมือโดยมีตัวชี้วัดชัดเจน ผมขอเป็นกำลังใจให้ แม้ไม่เชื่อมั่นว่าจะทำได้ก็ตาม เพราะวิกฤติการศึกษาไทยเรื้อรังรุนแรง และเป็นปัญหาโครงสร้างใหญ่ ลำพังแค่ รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการคนเดียวคงมีกำลังไม่พอที่จะยกระดับการศึกษาไทยได้สำเร็จการปฏิรูปการศึกษาต้องทำเป็น วาระแห่งชาติ (แต่อย่าประกาศส่งๆแล้วไม่ทำจริง เหมือนหลายวาระแห่งชาติที่เคยประกาศกันมา) อาศัยความร่วมแรงร่วมใจจากทุกองคาพยพ ผมอยากเห็นนายกฯเศรษฐาโดดมาจับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ด้วยความรู้ความสามารถและความทันสมัยของท่าน ถ้าทุ่มเต็มร้อยจะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนเราเคยได้ยินเมกะโปรเจกต์ที่ใช้เงินนับล้านล้านบาทมาหลายโครงการแล้ว การปฏิรูปการศึกษาสมมติต้องใช้เงินถึง ๑ ล้านล้านบาทบ้าง หรือถ้าต้องกู้เงินมาดำเนินการ ก็คงไม่มีใครคัดค้านหรอก มีแต่ส่งเสียงเชียร์เพื่ออนาคตของลูกหลานกำหนดยุทธศาสตร์วางแผนขับเคลื่อนตั้งแต่วันนี้เถอะครับ แม้อีกเป็นสิบปีถึงจะเห็นผล แต่คนไทยจะไม่ลืมเด็ดขาดว่าใครคือคนกล้าตัดสินใจวางรากฐานใหม่ด้านการศึกษาให้แก่เด็กไทย.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม