เป็นข่าวเล็กๆที่โฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่าจากนี้ไปรัฐบาลจะไม่มีการต่ออายุข้าราชการที่เกษียณอายุราชการแล้วแต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเป็นข่าวด้วนๆแค่นี้ก็เลยตีความกันไปต่างๆนานา เน้นไปที่เรื่องการเมืองอ้างว่าที่รัฐบาลทำเช่นนั้นก็เพราะต้องการให้ข้าราชการบางคนปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพราะจะเป็นก้างขวางคอที่ไม่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้เกิดปัญหาบางมุมโยงไปถึงตำแหน่งสำคัญในกฤษฎีกาก็มีว่าไปแล้วการที่รัฐบาลมีนโยบายอย่างนี้ออกมาน่าจะหมายถึงการคุมกำเนิดข้าราชการให้น้อยลงไม่ให้ใหญ่โตไปมากกว่านี้ปัญหานี้ที่จริงเป็นเรื่องใหญ่และควรประกาศเป็นวาระสำคัญของรัฐบาลด้วยซ้ำไปเพราะเป็นปัญหาด้านงบประมาณงบประมาณปี ๖๗ ที่เพิ่งผ่านวาระแรกอยู่ในขั้น กมธ.กำลังพิจารณามีความชัดเจนอยู่ประเด็นหนึ่งก็คืองบประมาณประจำและงบผูกพัน ซึ่งก็คือเงินเดือนของข้าราชการทั้งระบบแต่ละปีมีแต่เพิ่มมากขึ้นสูงกว่างบอื่นๆทำให้ไม่มีงบไปใช้ในการพัฒนาสร้างงานอื่นๆได้มีการพูดถึงตำแหน่ง “นายพล” ของกองทัพที่มีจำนวนมากที่ต้องการให้ลดจำนวนลงจากแผนงานของกองทัพได้มีการปรับลดซึ่งต้องทำเป็นขั้นเป็นตอนจะทำทีเดียวไม่ได้เพราะมันเกี่ยวข้องกับ “คน” ทำงานพูดง่ายๆต้องลดเป็นปีๆไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้เช่นกันหน่วยราชการอื่นๆก็ไม่ต่างกัน ซึ่งจะต้องวางแผนปรับลดเป็นปีๆไป แต่มีประเด็นที่ต้องพูดถึงก็คือการเพิ่มหน่วยงานในแต่ละกระทรวงจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแน่นอนว่าเมื่อเกิดความเปลี่ยนในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นไปต่างๆนั้นมี ๒ ส่วนที่เกิดขึ้น๑.ต้องมีหน่วยงานใหม่ๆเข้ามารองรับ๒.เทคโนโลยีจะเข้ามาทำงานแทนคนได้ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าราชการพยายามที่จะสร้างหน่วยงานขึ้นมาใหม่ๆ อ้างมีภารกิจเพิ่มขึ้นก็เลยต้องตั้งกรม กองหรือองค์กรจึงต้องรับคน สถานที่ อุปกรณ์ต่างๆเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจึงทำให้แต่ละกระทรวงขยายใหญ่โตขึ้นนี่แหละทำให้ “งบประมาณ” ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวปัญหาก็คือไม่ได้มีการวางแผนโดยยึดหลัก “จิ๋วแต่แจ๋ว” ใช้คนน้อยแต่คุณภาพคับแก้วและมีประสิทธิภาพสูงอีกทั้งเมื่อเพิ่มหน่วยงานใหม่จึงเกิดความซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็นเพราะหากมีการเกลี่ยคนใช้อุปกรณ์ร่วมกันใช้สถานที่เดิมก็ไม่ต้องใช้งบประมาณมากเรื่องนี้ต้องทำอย่างบูรณาการทั้งระบบ ลำพังแค่ไม่ต่ออายุให้ราชการที่เกษียณนั้นก็ได้เพียงแค่เศษเสี้ยวของปัญหาเท่านั้นแต่จะต้องประกาศเป็นนโยบายลดขนาดของข้าราชการให้เล็กลงถ้าจะเพิ่มก็ทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้นพูดง่ายๆว่าเป็นการปฏิรูประบบราชการต้องถึงขั้นนั้นจึงจะแก้ไขปัญหาได้!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม
