Thursday, 14 November 2024

“สุดารัตน์” จี้รัฐเร่งปฏิวัติการศึกษา เป็นของขวัญวันเด็กที่ดีกว่าคำขวัญ

“สุดารัตน์” จี้รัฐบาลเร่งปฏิวัติการศึกษาเพื่อแก้วิกฤติ ๕ ด้าน เป็นของขวัญวันเด็กที่ดีกว่าคำขวัญให้ท่องทุกปี สร้างโอกาสและอนาคตให้เด็กไทยอย่างยั่งยืนวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๗ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรให้ความสำคัญในวันเด็ก ว่า ผู้นำต้องมีความจริงใจ เพื่อเร่งปฏิวัติการศึกษา มอบเป็นของขวัญให้กับเด็กไทยทุกคน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ และมีคุณค่ามากกว่าการออกเพียงแค่คำขวัญวันเด็กเป็นประจำในทุกปี โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า พรรคไทยสร้างไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของคนไทยที่ต้องเริ่มจากการศึกษา ตามที่ นายวรวุฒิ โตวิรัตน์ รองโฆษกพรรค ได้ชี้ให้เห็นว่า ของขวัญวันเด็กที่มีค่าที่สุด คือโอกาสและคุณภาพในการศึกษาของเด็กไทย โดย ๕ วิกฤติหลักการศึกษาไทยที่ต้องเร่งแก้ไข คือ๑. เด็กไทยเรียนหนัก ถูกยัดเยียดให้เรียนแบบท่องจำ แต่ไม่สอนให้ใช้ความคิดวิเคราะห์ มีจินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ศักยภาพเด็กไทยลดถอยลงเรื่อยๆ พิจารณาจากผลการประเมิน PISA ของไทยล่าสุด ที่วัดผลโดย OECD ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤติการศึกษาสำคัญที่รัฐบาลจำเป็นที่ต้องเร่งแก้โจทย์นี้ให้ได้ เศรษฐกิจไทยจะพัฒนาไม่ได้หากบุคลากรของประเทศไม่มีศักยภาพ ทุนมนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพื่อทำให้เด็กไทยมีความรู้ทัดเทียมโลก และเติบโตเป็นคนที่มีคุณธรรม๒. ความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพการศึกษาระหว่างเด็กในเมืองและชนบท ทั้งที่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถมาทำให้ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้โดยใช้เงินลงทุนน้อยมาก เราสามารถนำอาจารย์ที่เก่งในกรุงเทพฯ สอนผ่านระบบออนไลน์ไปยังห้องเรียนของเด็กในชนบท หรือแม้แต่บนยอดดอยที่ห่างไกล๓. ในช่วงที่ผ่านมา เด็กไทยต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาจำนวนมากจากปัญหาความยากจน โดยเฉพาะหลังจากวิกฤติโควิด-๑๙ ตัวเลขจากกระทรวงศึกษาธิการ พบว่าปี ๒๕๖๕ หลุดออกจากระบบการศึกษาถึง ๑๐๐,๐๐๐ คน นอกจากนี้ ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงโอกาสในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพราะไม่มีค่าใช้จ่าย๔. เด็กไทยกำลังอยู่ในภาวะเครียด ซึมเศร้า จำนวนมากขึ้น รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว พบว่าปัญหาสุขภาพจิตของวัยรุ่นกว่า ๙๐% มาด้วยซึมเศร้า วิตกกังวล เครียด และไม่มีความสุข สะท้อนปัญหาเกิดจากสังคมกดทับ แบกรับความคาดหวังพ่อแม่ ต้องละทิ้งความฝันเป็นตัวของตัวเอง เก็บกด ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ แถมผู้ใหญ่ไม่รับฟังเสียงเด็ก นอกจากที่บ้านแล้วเด็กยังต้องการความปลอดภัยในโรงเรียน เช่น การไม่ถูกกล้อนผม ที่ผ่านมาภาครัฐมีปัญหาเรื่องของโครงสร้าง ระบบสวัสดิการรัฐที่ไม่โอบอุ้มให้เราทุกคนมีความฝัน๕. เด็กไทยเผชิญกับปัญหาถูกกระทำรุนแรงในเด็กเพิ่มมากขึ้น และส่วนใหญ่เด็กจะถูกทำร้ายจากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด รวมถึงจากสถานศึกษาเองจากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ระบุถึงข้อเสนอของพรรคไทยสร้างไทย ที่เสนอต่อรัฐบาลเพื่อเป็นของขวัญวันเด็ก คือ การปฏิวัติการศึกษาเร่งด่วน ๕ ด้าน ที่สามารถทำได้ทันที แทบไม่ต้องใช้งบประมาณใหม่ เพียงแค่ผู้บริหารประเทศเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง และมีความจริงใจเท่านั้น ดังนี้๑) ปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างเร่งด่วน กำหนดเป้าหมายหลัก เน้นให้เด็กค้นหาตัวตนได้เร็ว ให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ และวิจัย รวมทั้งให้เด็กมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นอิสระ สร้างเด็กให้สามารถปรับตัวในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างเร็วได้ ปรับวิธีการศึกษาให้ความสำคัญกับเจตคติ (Attitude) เป็นอันดับแรก ตามด้วยทักษะ (Skill) และความรู้ (Knowledge) ส่งเสริมการเรียน Onsite และ Online ฝึกงานจากของจริง ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และกิจกรรมนอกเวลา เพื่อให้เด็กได้ค้นหาตัวตน และรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น ปรับหลักสูตร สอนวิชาแห่งอนาคต ทั้งวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมต่างๆ เช่น AI เป็นต้น๒) เปลี่ยนระยะเวลาการศึกษา “ลดเวลาเรียน เพิ่มคุณภาพการศึกษา” ด้วยการปรับหลักสูตรและการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน โดยสามารถลดเวลาเรียนลงได้อย่างน้อย ๓ ปี เพื่อให้เด็กสามารถเรียนจบปริญญาตรีที่อายุ ๑๗-๑๙ ปี ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ และที่สำคัญทำให้เด็กสามารถทำงานสร้างรายได้ได้เร็วขึ้น เป็นการทดแทนแรงงานผู้สูงวัยได้เร็วขึ้น๓) รัฐบาลต้องเร่งทำนโยบายเรียนฟรีจบปริญญาตรี โดยต้องฟรีจริง ลดภาระครอบครัว ให้โอกาสเด็กได้เข้าถึงการศึกษาได้อย่างทัดเทียมและทั่วถึง ซึ่งเป็นนโยบายพรรครัฐบาลหาเสียงไว้ แต่ไม่ปรากฏในการจัดงบประมาณปี ๒๕๖๗ รวมทั้งต้องปฏิรูประบบการงบประมาณของกระทรวงศึกษา ซึ่งปัจจุบันงบลงไปที่สถานศึกษาไม่ถึงมือนักเรียนหรือผู้ปกครอง และมีงบลงทุนด้านการศึกษาแค่ ๔% ของงบกระทรวงศึกษาทั้งหมด ควรจะเริ่มปรับงบประมาณใหม่ตั้งแต่งบประมาณ ๒๕๖๗ ที่กำลังพิจารณาอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร๔) กระจายอำนาจการศึกษาจากการรวมศูนย์แบบ Top Down มาให้อำนาจกับชุมชน ผู้ปกครอง และโรงเรียนได้จัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับสภาพของบริบทพื้นที่ รวมทั้งหมดการลดภาระของครูจากการทำงานวิชาการเพื่อวัดผล เพื่อเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง มาเป็นการวัดผลจากประสิทธิภาพของเด็กนักเรียน๕) ใช้เทคโนโลยีช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา โดยสร้างโอกาสให้ครูและอาจารย์ที่เก่งๆ ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ สอนผ่านเทคโนโลยีไปสู่โรงเรียนในชนบทและถิ่นทุรกันดาร ทำให้การสอนมีคุณภาพดีขึ้น และเป็นการทำให้คุณครูในชนบทมีโอกาสได้เรียนรู้และพัฒนาวิชาการ“ไทยสร้างไทย ขอเสนอของขวัญวันเด็ก ที่จะสร้างโอกาส สร้างอนาคตให้กับเด็กไทยได้อย่างยั่งยืน ที่รัฐบาลควรจะรับไปดำเนินการ แทนคำขวัญวันเด็ก ที่ออกมาให้เด็กท่องทุกปี สิ่งที่เด็กและผู้ปกครองอยากได้คือการลงมือปฏิวัติการศึกษาไทย อย่างจริงจัง สุขสันต์วันเด็กค่ะ”