ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางฝุ่นการเมืองที่เริ่มคละคลุ้งมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่มีการคาดการณ์กันล่วงหน้าแล้วว่าปี “มังกรทอง” นี่แหละการเมืองจะแรงและเข้มข้นขึ้นข้ามปีมาแค่ครึ่งเดือนแรกของมกราฯ ก็เริ่มเห็นเค้าลางว่ามันจะเป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่ จากนี้ไปยังมีประเด็นการเมืองที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ อย่างน้อยก็ ๓ เรื่องเข้าคิวรออยู่๑.ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดีของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ในวันที่ ๑๗ มกราคม๖๗๒.ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดี “หุ้นสื่อ” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ในวันที่ ๒๑ มกราคม๖๗๓.ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดีล้มล้างการปกครองของ “ก้าวไกล” ในวันที่ ๓๑ มกราคม๖๗แม้ว่าทั้ง ๓ คดี อาจมองว่าเป็นเรื่อง ส่วนบุคคล และอีก ๑ พรรคการเมืองไม่น่าจะมีผลกระทบทางการเมืองอะไรมากมายแต่เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีต่างก็มีบทบาทในพรรคการเมืองค่อนข้างสูง อาจเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดความเปลี่ยน แปลงทางการเมืองได้ไม่มากก็น้อยโดยเฉพาะ “ก้าวไกล” ถ้าศาลชี้ว่า มีความผิดอาจนำไปสู่การถูก “ยุบพรรค” ได้ซึ่งจะทำให้กรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ“ลูกพรรค” ต้องแตกกระเจิงไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น“ผมมีความตั้งใจจะเป็นนายก รัฐมนตรี ๔ ปีครับ”“เศรษฐา ทวีสิน” ประกาศเจตนารมณ์ว่าจะทำหน้าที่ต่อไปจนครบเทอม ๔ ปีอันแสดงถึงความมั่นใจว่าจะรักษาเก้าอี้ได้อย่างแน่นอนไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ถ้าพระอาทิตย์ ขึ้นทิศตะวันออกจะได้เห็นหน้าเขาบนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี“อุ๊งอิ๊ง” ก็รอไปจนกว่าจะถึง ๔ ปีในคิวต่อไปก็ดี ทุกฝ่ายจะได้รับรู้กัน ใครคิดจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปอย่าเพิ่งชิงสุก ก่อนห่าม เพราะต้องฝ่าด่านผู้นำประเทศคนปัจจุบันให้ได้ก่อน“เขาจองเอาไว้แล้ว”…ก็ว่าอย่างนั้น!ในทางกลับกันอีก ๔ ปีข้างหน้านั้นก่อนจะไปถึงได้ก็ต้องรักษาความเป็นผู้นำให้มั่นคงเป็นเบื้องต้น อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็มี ๒ เรื่องใหญ่ๆ๑.“ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมของรัฐบาลจากการหาเสียงเอาไว้ ถ้าเดินหน้าต่อไปได้คงเรียกเสียงเฮจากมวลชนที่กำลังรออยู่ด้วยความหวัง ทำให้ได้คะแนนนิยมและไม่เสียหน้าจากที่ประกาศเอาไว้แต่เนื่องจากนับแต่เริ่มต้นก็มีอุปสรรคนานัปการจากหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ล่าสุดนายกรัฐมนตรีจะเสนอให้บอร์ดตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย๒.ประเด็นที่กำลังชุลมุนกันในขณะนี้ก็คือเรื่องของ “ทักษิณ” ซึ่งกำลังถูกแรงเสียดทานจากสังคมอยู่ไม่น้อย เหตุเพราะรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจจนเป็น “นักโทษ อภิสิทธิ์ชน” ชั้น ๑๔แต่ยังมีเวลาคลี่คลายสถานการณ์จนถึงเดือน กุมภาพันธ์๖๗ เพราะสามารถขอ “พักโทษ” เป็นอิสระ ไม่ต้องเป็นเงื่อนไขอีกต่อไปแต่ปัญหายังไม่จบหากพ้นคุกออกมาแล้วเนื่องจาก “ทักษิณ” นั้นเป็น “ของร้อน” จึงส่งผลได้ ๒ แบบ ด้านหนึ่งให้คุณก็ได้ อีกด้านหนึ่งให้โทษก็ได้นายกรัฐมนตรีได้ผลบุญด้านดีมาแล้วคือ อุ้มชูให้เป็นผู้นำประเทศทว่าเมื่อเขาเป็นอิสระแล้วก็ต้องดูว่าจะวางบทบาทอย่างไรต่อไปหากรู้จักพอช่วยเหลือในฐานะให้คำปรึกษาก็จะเป็น “บุญ” ที่นายกรัฐมนตรีได้รับอีกชั้นหนึ่งแต่ถ้ายังเมาอยู่กับอำนาจวาสนาต่อไปไม่ยอมปล่อยวางก็จะเกิดสถานการณ์ “นายกฯ ๒ คน” ในประเทศไทยเท่ากับ “เศรษฐา” เจอของร้อนเข้า อย่างจังเป็นเคราะห์ร้ายที่ใครก็ช่วยไม่ได้!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม
Related posts