สว.เสรี รับ มีขบวนการ ล็อบบี้ สว. ไม่ให้ร่วมลงชื่อญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป ขอรัฐบาลอย่ากลัว ปล่อยทุกฝ่ายทำหน้าที่ หากตอบได้ก็จะเป็นเครดิตให้รัฐบาล เตือน “ภูมิธรรม” หากยอมรับหน้าที่ ไม่ควรแสดงพฤติกรรมไม่ดี วันที่ ๑๕ ม.ค. นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวก่อนเปิดการประชุมว่า ในวันนี้จะมีการหารือการรวบรวมรายชื่อสมาชิกวุฒิสภา เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติรัฐบาลว่า ขณะนี้มีขบวนการล็อบบี้ และขอบอกตรงๆ ว่า ช่วงเวลานี้ตนเองและคณะได้ทำญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายเพื่อให้รัฐบาลมาชี้แจงข้อมูล จะดำเนินการให้ญัตติ แต่จะดำเนินการให้ญัตติไปได้ต้องมีสมาชิกรับรองญัตติไม่น้อยกว่า ๘๔ เสียง ช่วงเวลาดังกล่าวได้พยายามนำญัตติให้สมาชิกไปศึกษา และดูว่าสิ่งที่ สว.กำลังทำเป็นประโยชน์โดยรวม แต่มีสมาชิกหลายคนไม่ร่วมลงชื่อ โดยบางคนบอกว่า มีคนมาขอไม่ให้ลงชื่อ อ้างว่าเป็นพวกกัน ซึ่งได้พยายามอธิบายไปว่าเป็นหน้าที่ของ สว. จึงถือเป็นความยากลำบากระดับหนึ่ง เพราะจาก สว. ๒๕๐ คน ถ้าได้ชื่อเพียง ๘๔ คน หรือ ๑ ใน ๓ หากไม่มีใครมาล็อบบี้ ปล่อยไปตามธรรมชาติ ก็คงครบไปนานแล้ว จึงอยากบอกว่า สิ่งที่กำลังทำ ไม่ใช่เรื่องของการล้มรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่ สว.เสนอญัตติให้รัฐบาลมาชี้แจงหาทางออกของประเทศใน ๗ ประเด็น ที่จะเป็นประโยชน์กับการบริหารราชการแผ่นดินและประชาชน ไม่ว่าใครก็ตามที่มีแนวคิดจะไม่ให้มีผู้สนับสนุนญัตติครบ ๘๔ เสียง”ตนเองคิดว่าเป็นการคิดผิด ขอความกรุณาปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะเป็นประโยชน์โดยรวมกับประชาชน บ้านเมือง และรัฐบาล หากรัฐบาลตอบได้ สามารถที่จะดำเนินการตามที่เราเสนอญัตติไป ก็จะเป็นเครดิตของรัฐบาล อย่าไปปิดกั้นและให้ สว.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้” นายเสรี กล่าวนายเสรี ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้เป็นความหวัง เพราะ สว.กำลังพยายามนำข้อมูลให้สมาชิกได้ศึกษา แต่ตอนนี้มีคนมาแจ้งความจำนงร่วมลงชื่อ ๘๐ คน คิดว่า เสียงน่าจะเพียงพอ และจะเป็นภาพลักษณ์ของ สว.ที่ไม่อยู่ใต้อาณัติใคร และจะเป็นประโยชน์กับประชาชนในช่วงสุดท้ายก่อนที่ สว.จะหมดวาระ ส่วนจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงส่งท้ายหรือไม่นั้น นายเสรี กล่าวว่า ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ถือว่าเป็นผลงานสุดท้ายที่ทำเพื่อประชาชน แม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ในความรับผิดชอบและอำนาจหน้าที่เป็นสิ่งที่วุฒิสภาควรต้องทำเมื่อถามย้ำว่า ครั้งหนึ่งเคยโหวตสนับสนุนนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ แต่วันนี้กลับมีขบวนการสกัดล็อบบี้ไม่ให้เปิดอภิปรายทั่วไป นายเสรี กล่าวว่า เป็นคนละส่วนกัน ตอนตั้งรัฐบาลก็ตั้งไป ทำหน้าที่ตรวจสอบและเสนอแนะก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่ง วันหนึ่งอาจจะคิดอย่างนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดูการทำงานและผลงานที่ออกมาในช่วงเวลา ๔ เดือน มีอะไรที่ต้องทักท้วงและเสนอแนะ ก็เป็นคนละส่วนกันส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีความกังวลคนชั้น ๑๔ นั้น เห็นว่าก็มีหลายเรื่อง เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็ส่วนหนึ่ง ส่วนเศรษฐกิจการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญก็เป็นปัญหาอีกส่วนหนึ่ง เรื่องทั้งหมดขอให้นำมาพูดคุยกันในสภาจะเป็นเรื่องที่ดี และเป็นอำนาจหน้าที่ที่ต้องทำเมื่อถามว่า ส่วนหนึ่งที่ล็อบบี้ยังมีเหตุผลอื่นที่ สว.ไม่ตัดสินใจร่วมลงชื่อด้วยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เป็นเหตุผลส่วนตัวของแต่ละคน ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาคือการสกัดกั้นในขบวนการทางการเมือง บอกได้เลยว่าไม่ควรทำ เพราะยิ่งทำมีแต่จะเสียหาย ควรปล่อยให้แต่ละฝ่ายทำหน้าที่ สิ่งไหนเป็นประโยชน์ก็นำไปดำเนินการ ดีกว่าไปสกัดกั้น ส่วน สว.ที่เป็นผู้แทนเหล่าทัพคงคิดว่าไม่ได้รับเสียงสนับสนุนแน่นอน เพราะไม่อยากมายุ่งเกี่ยวกับฝ่ายการเมือง ซึ่งก็ต้องเข้าใจ จึงไม่ได้ไปขอให้ร่วมลงชื่อส่วนที่ก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอให้ สว.ย้อนกลับไปดูว่า ประเทศวิกฤติหรือยังที่จะขอเปิดอภิปรายทั่วไปว่า ตนเองคิดว่ารัฐบาลน่าจะเสียโอกาส เพราะต้องรู้หน้าที่ สส.ก็อยู่ส่วน สส. รัฐบาลก็ส่วนรัฐบาล สว.ก็ทำหน้าที่ไป หากยอมรับในหน้าที่ไม่ควรไปแสดงอะไรที่จะทำให้เกิดภาพพจน์ไม่ดีกับตัวเอง หากคิดดีๆ ควรนำประเด็นที่ สว.ยื่นญัตติไปพิจารณาประโยชน์และดำเนินการ ก็จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลเอง ยิ่งมาแสดงออกก็จะทำให้ตัวเองเสียหาย กลายเป็นผลักดันให้คนที่แสดงตนว่าไม่สนับสนุนในใต้อาณัติของพรรคการเมือง ก็จะเป็นตัวผลักดัน ส่วนตัวมองว่าไม่เป็นไร เป็นความเห็นของ นายภูมิธรรมส่วนประเด็นนี้จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการล็อบบี้หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ก็คือการแสดงออกส่วนหนึ่ง ที่แสดงออกมาว่าไม่ต้องการให้ญัตตินี้ผ่านเข้าสู่การพิจารณาของสภา ล็อบบี้จริงไหม ที่เราบอกว่ามีการล็อบบี้จริงไหม นี่ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเจน
