สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาที่ดำเนินมาตั้งแต่ ๗ ต.ค. ๒๕๖๖ ยังไร้สัญญาณจะยุติในเร็ววัน นอกจากจะสร้างความเสียหายและความสูญเสียมากมายยังมีตัวประกันเด็ก สตรี และคนชรากว่า ๑๓๕ คน ในจำนวนนี้เป็นชาวไทย ๘ คน ที่ถูกกลุ่มฮามาสคุมขังในฉนวนกาซายังไม่ได้รับอิสรภาพเมื่อวันที่ ๑๒ ม.ค. ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อรณรงค์ให้ปล่อยตัวประกันที่ยังถูกกลุ่มฮามาสคุมขังในฉนวนกาซาทันที โดยติดภาพใบหน้าของตัวประกันชาวอิสราเอลจำนวน ๑๐๐ คัน บนรถตุ๊กๆ โปสเตอร์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเรียกร้องการปล่อยตัวประกัน สัญจรไปตามถนนสายหลักในกรุงเทพฯ รวมถึงบริเวณไอคอนสยาม สุขุมวิท อโศก และถนนข้าวสาร เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ม.ค. เป็นระยะเวลา ๓ สัปดาห์นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เผยถึงสาเหตุที่เลือกใช้รถตุ๊กๆในครั้งนี้ว่า รถตุ๊กๆเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความเป็นไทย ทั้งยังเป็นรถโดยสารที่สัญจรไปทั่วเมือง แทนที่จะติดเพียงแผ่นป้ายโฆษณาไว้หลังรถที่ใครต่อใครต่างก็สามารถพบเห็นได้ ก็เลือกที่จะติดภาพใบหน้าของเหล่าตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกลักพาตัวตั้งแต่ ๗ ต.ค. ปีที่แล้ว เพื่อย้ำเตือนผู้ที่พบเห็น ไม่ใช่แค่ชาวไทยแต่ยังรวมไปถึงชาวโลกให้จดจำเหยื่อผ่านกิจกรรมพิเศษในครั้งนี้ โดยที่ผ่านมาอิสราเอลยังได้จัดทำสร้อยคอและริสต์แบนด์สลักข้อความว่า #BringThemHomeNowอย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่า กิจกรรมดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย หรือโอกาสในการช่วยเหลือตัวประกันไทยหรือไม่ นางซากิฟมีมุมมองว่า อันที่จริงไม่ทราบว่าควรใช้วิธีใด เนื่องจากเรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น อิสราเอลจึงทำทุกวิถีทางเพื่อพาตัวประกันกลับบ้าน และเพื่อให้ทั่วทั้งโลกจดจำและไม่ลืมตัวประกันที่เหลือทั้งหมดสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับตัวประกันทั้งชาวไทยและชาวอิสราเอล เอกอัครราชทูตอิสราเอลฯ เผยว่า เนื่องจากองค์กรกาชาดสากลไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับบรรดาตัวประกัน สถานทูตอิสราเอลฯ จึงไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวประกันได้มากนัก ทั้งนี้ ท่านทูตยังทิ้งท้าย ขอให้ประชาชนชาวไทยและรัฐบาลไทยร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับนานาประเทศทั่วโลก เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันที่เหลือทั้งหมดทันที.ญาทิตา เอราวรรณคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม