Thursday, 19 December 2024

พปชร. ชงชุดนโยบายปลดล็อกโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

พรรคพลังประชารัฐ เปิดเวที “พลิกมุมคิด การเงินการคลัง” ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ชงชุดนโยบายปลดล็อกเชิงโครงสร้างช่วยคนไทยฝ่าปัจจัยเสี่ยงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๗ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดกิจกรรม “เวทีวิชาการพรรคพลังประชารัฐ” ในหัวข้อ “พลิกมุมคิด เรื่องการเงินการคลัง” เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา โดย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ และ ด็อกเตอร์อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการด้านนโยบายพรรคพลังประชารัฐและปฏิรูปประเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อนำเสนอมุมมองที่เป็นประโยชน์ในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ ในภาวะที่ไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ซึ่งจะนำไปเป็นข้อเสนอให้กับรัฐบาลในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเสนอแนะมาตรการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจทั้งระบบ ที่จะนำมาสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ กล่าวว่า จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้เปิดประเด็นการหารือให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมแก้ปัญหาระบบเศรษฐกิจของไทยเพื่อให้เติบโตได้อย่างเข้มแข็งและสามารถรับมือกับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นรอบด้านได้ นับเป็นเรื่องที่สำคัญ และเห็นด้วยกับแนวทางของนายกฯ ที่ต้องเร่งเข้าไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่สั่งสมมานาน ดังนั้นการที่รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับธปท. โดยต้องดำเนินการใน ๓ ประเด็นหลัก คือ ๑.การมีวินัยทางการคลัง ๒.ลดการใช้เงินภาษีราคาพลังงาน แต่ปรับเปลี่ยน การปรับโครงสร้างราคาพลังงานเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างผลกำไรของธุรกิจน้ำมัน และการช่วยเหลือประชาชน ๓.มีมาตรการเร่งเพิ่มทักษะ ของแรงงานให้สอดรับกับทิศทางของการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรม ให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งเชื่อมั่นว่า ทำให้ ธปท. หามาตรการและนำเครื่องมือมาสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรมtt ttนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการด้านดร.อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการด้านนโยบายพรรคพลังประชารัฐและปฏิรูปประเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศไทยปีนี้อยู่ในขั้นวิกฤติหรือไม่นั้นยังเป็นข้อพิจารณาของหลายฝ่าย แต่ก็มีความชัดเจนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แสดงให้เห็นถึงความเปราะบาง และที่สำคัญมีการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างช้าๆ และอาจจะยังช้ากว่าเพื่อนบ้านในอาเซียน ท่ามกลางปัจจัยความเสี่ยงจากทั้งสถานการณ์โลก และภายในประเทศเอง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจในการฟื้นตัวอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์  เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เกิดการฟื้นตัวพร้อมกับเติบโตต่อเนื่อง ประกอบด้วย๑.นโยบายการยกระดับขีดความสามารถของประเทศ เพื่อให้คนไทยให้ก้าวทันโลก เร่งการลงทุนของภาครัฐและสนับสนุนเอกชนให้ลงทุน ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งคมนาคมและดิจิทัล อุตสาหกรรมเป้าหมาย มีการพัฒนาทักษะคนไทยทุกช่วงวัยฯ ซึ่งต้องอาศัยมาตรการการคลังและอื่นๆ เช่น มาตรการด้านภาษี การจัดหาแหล่งทุนและร่วมทุน๒.การเร่งแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานาน โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาหนี้สินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนและธุรกิจ พร้อมสร้างโครงข่ายการคุ้มครองทางสังคมทั้งทางด้านสาธารณสุขและหลักประกันรายได้ชราภาพ เพื่อรับมือสังคมสูงวัย เพื่อให้คนไทยมีความเข้มแข็ง สามารถประกอบอาชีพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต๓.การเสริมสร้างความยั่งยืนทางการคลัง เช่น การปฏิรูปโครงสร้างภาษีให้สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคต และปฏิรูประบบการจัดสรรงบประมาณให้ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนtt ttดร.อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการด้านนโยบายพรรคพลังประชารัฐและปฏิรูปประเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน