ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการวางธงไว้ ที่จะไม่ให้โครงการนี้เดินหน้าไปได้ “เสี่ยหนิม” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง พูดถึง ป.ป.ช. ที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน ทำการศึกษาและรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต”สรุปคือข้อดีไม่มี มีข้อเสี่ยง ๓ ข้อ เสี่ยงทุจริตเชิงนโยบาย เสี่ยงผิดพลาดด้านเศรษฐกิจ และเสี่ยงผิดกฎหมาย ตบท้ายขึ้นธรรมาสน์ร่ายยาวแนะนำสั่งสอน ๘ ข้อเต็มๆ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ก็ยังไม่มีอะไรดีอีกเช่นกันแถมคิดแทนให้ว่าถ้าจะแจกเงินควรให้เฉพาะกลุ่มเปราะบาง รายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนนินทากันให้แซด แม้แต่ฝ่ายค้าน “อาจารย์ไหม” น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ยังอุทาน “หลายเรื่องรู้สึกว่าไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช. รัฐบาลไม่จำเป็นต้องทำตาม แต่ดักคอว่าอย่าเอาความเห็น ป.ป.ช.ไปเป็นทางลง”tt ttศิริกัญญา ตันสกุลคนเพื่อไทยอ่านแล้วเดือดดาลความดันขึ้นกันเป็นแถว นโยบายเรือธงถูกด้อยค่าจนป่นปี้ คนคิดทำนโยบายนี้ต้องหางานใหม่ หรือไม่ก็ไปลาบวช อะไรมันจะเลวร้ายสิ้นดีขนาดนั้นแม้รู้อยู่แล้วว่าจะถูกด้อยค่าไม่อยากสนใจ แต่เมื่อเป็นความเห็นจาก ป.ป.ช.องค์กรอิสระที่สามารถให้คุณให้โทษ ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรขนาดนี้จะไม่สนใจ แกล้งเมินก็เกินไปรัฐบาลเพื่อไทยยืนยันไปต่อไม่ท้อถอย แต่จำเป็นต้องแก้ไขรายละเอียด ก่อนออกตัวยอมรับแล้วว่าไม่ทันเดือน พฤษภาคม๖๗ ตามเป้าเดิมวิบากกรรมทางการเมืองเพื่อไทยต้องเจออุปสรรคเรื่อยมาจนชาชิน นั่นคือเหตุผลที่จำเป็นต้องยึดหลักยืดหยุ่นแทบทุกเรื่อง หลายครั้งที่ถูกด่าว่าไม่ชัดเจน แทงกั๊ก เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และน่าเห็นใจแต่ถึงอย่างไรนโยบายเรือธง “ดิจิทัลวอลเล็ต” เพื่อไทยยังให้ความสำคัญ ไม่คิดล้มเลิกหาทางลง หรือแม้แต่ลดทอนปรับขนาดลง เพราะคืออาวุธสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจ และฟื้นพรรคเพื่อไทยไม่มีทางเอาด้วยแน่กับการปรับเปลี่ยนไปเลียนแบบรัฐบาลชุดเก่า ที่เอาแต่กู้มาแจกกลุ่มคนเปราะบาง ยากไร้ เหมือนรัฐเติมโปรหยอดน้ำข้าวต้มเรื่อยไป แค่ตายผ่อนส่งสายลมแผ่วไม่ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจใดๆ ผิดคอนเซปต์สร้างทอร์นาโด พายุหมุนใบไม้ปลิวเป็นมุมมองที่แตกต่างระหว่างการคิดแบบนักลงทุน กับการคิดแบบนักสังคมสงเคราะห์“รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ย้ำว่า “ดิจิทัลวอลเล็ต” คือการขับเคลื่อนนโยบายโดยประชาชนมีส่วนร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจ และคำนึงถึงจิตใจความเป็นมนุษย์ของประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในชีวิตจริงการเถียงกันในหมู่ข้าราชการ นักวิชาการ อยู่บนพื้นฐานที่ไม่ได้ประสบปัญหาเหมือนที่ประชาชนได้รับตอกกลับสังคมอีลิต เพื่อไทยรู้ลึกรู้จริงสภาพชีวิตชาวบ้าน เพราะสัมผัสอยู่ตลอด ไม่ได้คิดทำนโยบายแค่ทฤษฎี ตัวเลขในห้องแอร์tt ttภูมิธรรม เวชยชัยอย่างไรก็ตามตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า การอ้างสถานการณ์ “วิกฤติเศรษฐกิจ” รัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำ ตกเป็นรอง อยู่ในวงล้อมรุมกินโต๊ะตอนนี้บรรดารัฐมนตรี คนในพรรคเพื่อไทยเริ่มปรับเปลี่ยนท่าที ทำนองว่าไม่จำเป็นต้องวิกฤติสาหัส แค่รู้สึกว่าไม่ปกติเป็นวิกฤติซึมลึกหลบใน ก็ต้องกระตุ้นให้คึกคัก ปล่อยไว้ไม่ได้เฉาตายเหมือนกันกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมจากกลางค่อนร้าย กลายเป็นดี ไม่ต้องการทำแบบอนาถา แก้จากร้ายกลายเป็นกลางๆเฉพาะคนบางกลุ่ม เพราะนั่นไม่ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการทำเพียงแค่นั้นมันไม่เพียงพอสำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ต้องเดิมพันปั่นให้เศรษฐกิจดีขึ้นจนผิดหูผิดตา ประชาชนสัมผัสได้ว่าชีวิตเปลี่ยนไปในทางดีขึ้นนั่นคือคำตอบสุดท้ายของ “ดิจิทัลวอลเล็ต” แปรเปลี่ยนเป็นคะแนนให้พรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง หนทางเดียวที่จะนำไปต่อกรกับพรรคก้าวไกลในเวทีประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นคนตัดสินแนวโน้มยังไงก็ต้องกู้ ต้องการเงินมาบริหาร จะออกเป็น พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. เร็วช้าว่าไปตามหน้างานถ้ารัฐบาลทำงานประมาณว่าชั่วไม่มีดีไม่ปรากฏ ไร้จุดเปลี่ยนกระชากใจคน เลือกตั้งเมื่อไรก็แพ้ก้าวไกลอยู่ดีสำรวจกระแสตอนนี้ ปรากฏว่าสนามเลือกตั้งท้องถิ่น บ้านเล็ก บ้านใหญ่แห่ไปเข้าคิวสมัครขอใช้ชื่อพรรคสีส้มกันอุตลุด กลายเป็นแบรนด์ฮอตฮิตติดตลาด โอกาสเข้าวินสดใสกว่าใครคล้ายกับยุคไทยรักไทยฟีเวอร์ ยุคประชาธิปัตย์ขจัดมาร พูดกันขนาดว่าภาคใต้ส่งเสาไฟฟ้า ภาคอีสานส่งหลังคาสังกะสี ยังมีคะแนนล้นหลาม มันยิ่งทำให้เพื่อไทยว้าวุ่น พยายามคิดหาทำอะไรมากขึ้นแต่ก็ติดกับดักอยู่ในวงล้อมอนุรักษ์นิยม และยังมีราคาที่ต้องจ่ายชดเชยเสวยอำนาจที่คุยโวเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลอำนาจเต็ม คงไม่ใช่แล้วหนำซ้ำอำนาจฝ่ายบริหารที่มาจากประชาชนยังถูกบล็อกโดย สว.ลากตั้ง และองค์กรอิสระอยู่เรื่อยอำนาจ ๓ เสาหลักประชาธิปไตย ห่างไกลประชาชนไปทุกที.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม
