ฝ้าพัง-กระจกแตก แรงบึมโรงงานพลุ บ้านใกล้เคียงกระทบ กระทรวงมหาดไทย๑ หาทุนช่วยเด็กกำพร้ามท.๑ ลงพื้นที่วัดโรงช้าง จ.สุพรรณฯ เยี่ยมศูนย์ผู้ประสบภัยพลุระเบิด พร้อมให้กำลังใจ จนท.-ญาติผู้ตาย รับปากหาทุนการศึกษาให้เด็กกำพร้าพ่อแม่จากเหตุระเบิด ได้เรียนต่อจนจบ ป.ตรี พร้อมเร่งหาทางช่วยเหลือผู้เดือดร้อน พบมีบ้านเรือนใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายเมื่อวันที่ ๑๘ ม.ค. ๖๗ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย (กระทรวงมหาดไทย๑) ได้เดินทางมาที่ วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีพลุระเบิดจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และญาติผู้เสียชีวิต โดย นายอนุทิน ได้พูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตพร้อมทั้งกล่าวให้กำลังใจ และรับปากกับเด็กที่พ่อแม่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าจะหาทุนการศึกษาให้เรียนต่อ จากนั้นได้เดินทางไปดูจุดเกิดเหตุtt ttโดย นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนใหญ่ทางญาติจะอยู่ในสภาวะเศร้าโศกเสียใจ ส่วนที่เป็นผู้ใหญ่ก็จะดีหน่อย แต่ส่วนที่จะต้องให้การดูแลเป็นพิเศษก็จะเป็นกลุ่มเด็กที่ยังอยู่ในวัยเรียนที่สูญเสียพ่อแม่ ซึ่งได้แนะนำผู้ว่าราชการจังหวัดให้แยกรายชื่อออกมา และให้ช่วยเหลือทางด้านทุนการศึกษา ยิ่งไม่มีพ่อแม่แล้วต้องอยู่กับปู่ย่าตายายผู้สูงอายุซึ่งมีรายได้น้อย ตรงนี้เราต้องช่วยเป็นกรณีพิเศษ ต้องดูแลให้เรียนหนังสือให้จนจบอย่างต่ำก็คือปริญญาตรีนายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดนั้นตอนนี้ยังคงต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐาน เพราะตรงนี้ยังคงต้องใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ เราอย่าเพิ่งไปคาดเดา เพราะถ้าพูดไปแล้วบางทีอาจไม่ใช่ ตอนนี้เราควรเน้นเรื่องการหาทางช่วยเหลือญาติผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้มากกว่า เพราะกลุ่มคนพวกนี้เขาเป็นลูกจ้างรายวัน มาหางานพิเศษ หมุนเวียนกันไปมาเป็นการจ้างแบบวันต่อวัน ต้องเร่งหาทางช่วยเหลือว่าตรงไหนช่วยผู้เดือดร้อนได้บ้าง”จากที่เข้าไปดูการชันสูตรศพทราบว่าส่วนใหญ่เสียชีวิตจากแรงอัด แรงกระแทกเสียชีวิตทันที คือต้องเร่งพิสูจน์อัตลักษณ์ให้เร็วที่สุด จะได้เร่งนำส่งร่างให้ทางญาติไปประกอบพิธีทางศาสนา ทางญาติจะได้ไม่ต้องมานั่งรอกัน ส่วนเรื่องการขออนุญาตนั้น ทางผู้ว่าฯ สุพรรณบุรีบอกว่าเป็นการออกใบอนุญาตในระดับอำเภอ และออกแบบปีต่อปี มีเอกสารครบก็สามารถออกใบอนุญาตได้ ซึ่งเราก็ไม่อยากไปขัดขวางการทำมาหากินของชาวบ้าน แต่ดูจากโรงงานแล้ว โดยพื้นฐานเขาก็ทำตามกฎระเบียบ เพราะว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลชุมชน ตั้งอยู่กลางทุ่งนา มีอาคาร และรั้วรอบขอบชิด เพราะฉะนั้นตอนนี้สิ่งที่เป็นตัวแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด คือรอทางพิสูจน์หลักฐานตรวจดูก่อนว่ามูลเหตุมันน่าจะเกิดมาจากอะไร” นายอนุทิน กล่าวtt ttด้าน นางบังอร ลีสุขสาม อายุ ๔๘ ปี ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า ที่บ้านของตน ฝ้าในห้องนอนหลุดลงมาครึ่งห้อง ส่วนบริเวณกลางบ้านมีรอยร้าวจากฝ้าที่แตก ซึ่งเป็นผลมาจากพลุระเบิดเมื่อวาน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นปกติดี เมื่อวานตอนกลางคืนฝ้าที่เหลืออีกครึ่งห้องก็ร่วงลงมาอีก ตอนที่พลุระเบิดตนไม่ได้อยู่บ้าน ซึ่งบ้านของตนอยู่ห่างกับจุดเกิดเหตุประมาณ ๑ กิโลเมตร ตอนนี้เบื้องต้นยังไม่รู้ว่าค่าเสียหายประมาณเท่าไร ต้องรอหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือก่อนtt ttขณะที่ น.ส.พรทิวา นกสกุล อายุ ๓๑ ปี ชาวบ้านอีกราย ซื่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ ๔๐๐ เมตร เปิดเผยว่า บ้านตนกระจกแตก กระเบื้องหลังคา และฝาผนังหลุด ซึ่งไม่คิดว่าความแรงจากการระเบิดจะมาถึง ตอนเกิดเหตุตกใจมาก แต่ปกติก็จะได้ยินเสียงพลุอยู่เป็นประจำ แต่รอบนี้ไม่ปกติเพราะแรงมาก พอเสียงสงบลงก็รู้แล้วว่าเป็นพลุระเบิด แต่ไม่คิดว่าจะมีการสูญเสียเยอะขนาดนี้ ส่วนความรู้สึกบอกไม่ถูก เพราะเหตุการณ์นี้น่ากลัว และรุนแรงมาก สงสารผู้เสียชีวิต ส่วนเรื่องการช่วยเหลือนั้น ตอนนี้ยังไม่รู้รายละเอียดคิดว่าทางหน่วยงานคงต้องช่วยเหลือกับทางผู้เสียชีวิตไปก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ไปแจ้งอะไร ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเขาจะช่วยเหลือเยียวยาเราอย่างไรบ้าง เพราะตนยังไม่ได้เข้าไปแจ้งกับหน่วยงานเรื่องความเสียหายเลย.
