Saturday, 21 December 2024

พระราม ๒ ระทึก “กระเช้า” ร่วงดับ ๑ สร้างทางด่วน อีกคนสาหัส ลวดสลิงขาด!

เหตุระทึกบนถนนพระราม ๒ เกิดซ้ำอีก หลังสลิงยกกระเช้าขาด ทำทีมงานวิศวกรที่มาเปลี่ยนน้ำมัน หล่อลื่นโช้กไฮดรอลิกคานเหล็กยกรางรองรับพื้นถนนทางด่วน โครงการก่อสร้างทางด่วนยกระดับพระราม ๒ ช่วงทางเลี้ยวออกถนนกาญจนาภิเษก ดับ ๑ เจ็บ ๑ หลังเกิดเหตุผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมทางหลวงลงพื้นที่ ระบุเหตุเกิดจากความประมาท ไม่ใช้อุปกรณ์เซฟตี้ระหว่างทำงาน เบื้องต้นสั่งให้หยุดการก่อสร้าง ๓ วันพร้อมเสียค่าปรับเหตุสลิงรถเครนยกกระเช้าขาดทำทีมงานวิศวกรดับ ๑ เจ็บ ๑ เกิดขึ้นเมื่อเวลา ๑๒.๕๕ น. วันที่ ๑๘ ม.ค. พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ เพ็ชรประกอบ รอง ผกก. (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลแสมดำ รับแจ้งเหตุสลิงรถเครนขาดมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม ๒ ราย เหตุเกิดบนถนนพระราม ๒ ใกล้ปากซอย ๗๒ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ปรีชา หนูสลุง ผกก.สถานีตำรวจนครบาลแสมดำ ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.แสมดำ แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานและมูลนิธิร่วมกตัญญูที่เกิดเหตุอยู่บนถนนพระราม ๒ ฝั่งขาเข้า ช่วงทางโค้งเลี้ยวออกถนนกาญจนาภิเษก เป็นพื้นที่ก่อสร้างทางด่วนยกระดับพระราม ๒ พบรถเครนขนาดใหญ่ ยี่ห้อ Tanado สีเหลือง ทะเบียน TR-๕๐๔๙ ของโครงการก่อสร้างสะพานทางด่วนยกระดับพระราม ๒ จอดอยู่ มีกระเช้าเหล็กลักษณะสี่เหลี่ยมเป็นลูกกรง ไม่มีฝาปิด ขนาดกว้าง ๑ เมตร สูง ๑.๕ เมตร ไว้ใช้สำหรับขนของล้มตะแคงซ้าย ภายในพบศพนายวิภาค พรหมประสงค์ อายุ ๔๔ ปี ผู้ช่วยวิศวกร ในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีฟ้า รองเท้าผ้าใบและสวมถุงมือ นอนหงายเท้าทั้งสองข้างอยู่ในกระเช้า มีเลือดออกจากปากและจมูก เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรีบปั๊มหัวใจปฐมพยาบาลแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก ๑ คน ทราบชื่อนายธีรภัทร์ ขันนอก อายุ ๒๔ ปี ตำแหน่งวิศวกร เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรักษาเป็นการด่วนสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตกับผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นทีมงานวิศวกรขึ้นไปบนกระเช้าโดยใช้ลูกรอกยกกระเช้าขึ้นไปเพื่อเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นโช้กไฮดรอลิกคานเหล็กยกรางรองรับพื้นถนนทางด่วนที่อยู่สูงขึ้นไปกว่า ๑๕ เมตร ระหว่างที่ทั้งคู่อยู่บนกระเช้าไม่ได้ส่งสัญญาณถึงความผิดปกติของเครนและกระเช้า จากนั้นไม่นานมีเสียงลั่นดังสนั่นสายสลิงดึงกระเช้าขาดหล่นกระทบพื้นอย่างแรง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าวขณะที่ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดเป็นเหตุสลิงขาด ต้องสอบปากคำผู้ขับรถเครนอย่างละเอียด หลังจากนี้จะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปสอบสวนด้วยว่าเกิดจากความผิดพลาดส่วนใดและผู้ใดทำให้เกิดเหตุหรือเกิดจากความประมาทของผู้ใดหรือไม่ พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อสรุปสำนวนตามขั้นตอนด้านนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม ที่เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดในช่วงขั้นตอนของการดำเนินการก่อสร้าง ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและคนขับเครนเป็นทีมงานวิศวกรมาเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นโช้กไฮดรอลิกคานเหล็กยกรางรองรับพื้นถนนทางด่วน โดยใช้รถเครนขนาดใหญ่ยกกระเช้าแบบลูกรอกลำเลียงน้ำมันและคนขึ้นไป แต่ระหว่างที่คอเครนยืดสุดคนขับรถเครนไม่ได้ปลดล็อกและฝืนเร่งเครื่อง ทำให้ระบบขัดข้องจนเกิดการกระตุกลวดสลิงจนขาด ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะวิธีขั้นตอนการลำเลียงขนของในช่วงเกิดเหตุ ส่วนอุปกรณ์และสภาพของรถเครนนั้นต้องตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทีมงานวิศวกรที่บาดเจ็บและเสียชีวิตมีประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุกับบริษัทต้นสังกัดนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า โดยปกติการที่จะใช้กระเช้าลำเลียงคน ต้องเป็นรถเครนที่มีกระเช้าติดอยู่ในตัว ไม่ใช่ใช้ลูกรอกยกกระเช้าขึ้นไป การกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่ายผิดข้อกฎหมาย แต่ทางกรมทางหลวงจะคาดโทษสั่งให้หยุดดำเนินการก่อสร้าง ๓ วัน และเสียค่าปรับก่อนจะอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างได้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นผลเสียของผู้รับเหมาก่อสร้างหรือผู้รับผิดชอบงาน ส่วนเรื่องอุปกรณ์เซฟตี้จากที่ได้รับรายงาน ทีมงานวิศวกรที่บาดเจ็บและเสียชีวิตไม่ได้ใช้อุปกรณ์เซฟตี้ การทำงานในไซต์งานก่อสร้างระดับนี้ ทุกอย่างจะต้องเพียบพร้อม โดยเฉพาะการไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในระหว่างทำงาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อพนักงานงานและประชาชนที่สัญจรอยู่บนถนนด้านล่างอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่