พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรีร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ผู้ประสบเหตุโรงงานพลุระเบิด พร้อมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง ๒๓ ราย รายละ ๑ หมื่นบาท ณ วัดโรงช้าง จ.สุพรรณบุรีวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗ ช่วงเช้า บรรยากาศที่เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด หลังจากเจ้าที่ได้เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตทั้ง ๒๓ ราย เพื่อเร่งพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังปิดพื้นที่ เป็นพื้นที่ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุอย่างเด็ดขาด ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุยังมีเศษเหล็กโครงหลังคาของโรงงานพลุกระจัดกระจายเต็มพื้นที่รวมทั้งในนาข้าว เป็นวงกว้างกว่า ๑๐๐ เมตร ขณะที่ญาติ และครอบครัวของผู้เสียชีวิตรอทำพิธีอันเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ขณะที่ช่วงบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรีร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบเหตุโรงงานพลุระเบิด ณ วัดโรงช้าง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย วัดโรงช้าง ขณะเดียวกัน เจ้าของโรงงานพลุพร้อมลูกสาว และญาติ ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่อมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จากนั้นได้เดินเข้าไปในที่เกิดเหตุ เพื่อชี้จุดเก็บของต่างๆ ในพื้นที่โรงงาน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีโอดีเข้าตรวจสอบด้วย ทั้งนี้ในจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้เก็บหลักฐานเกือบครบหมดแล้ว ในวันนี้จะเข้าไปตรวจสอบเก็บหลักฐานเกี่ยวกับระยะทางในที่เกิดเหตุแต่ละจุดอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อรวมรวบหลักฐานทั้งหมดส่งที่พิสูจน์หลักฐานกลางต่อไป รวมถึงการสอบถามญาติผู้เสียชีวิต ตรวจสอบเอกสารหลักฐานให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่ออำนวยความสะดวก และเร่งมอบร่างให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนา นายปภินวิช ละอองแก้ว หัวหน้า ปภ.จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์พลุระเบิด ทางจังหวัดได้ดำเนินการประกาศให้จุดที่เกิดเหตุเป็นประเภทภัยพิบัติอื่นๆ ซึ่งการประกาศภัยดังกล่าวนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของเอกชน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็สามารถที่จะนำประกาศฉบับนี้ไปใช้ในการบรรเทาเยียวยาพี่น้องประชาชนได้ทันที ส่วนในเรื่องของการประกาศห้ามเข้าพื้นที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีได้ประกาศตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย พ.ศ.๒๕๕๐ ประกาศในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ซึ่งมีอำนาจที่จะประกาศห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่ในรัศมี ๔ กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ม.ค. เป็นต้นมา มีกำหนดไม่เกิน ๗ วัน เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบเก็บข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนภายใน ๗ วัน นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าปลื้มปีติกับพี่น้องผู้ประสบภัยในวันนี้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เชิญถุงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มามอบให้กับทายาทผู้เสียชีวิตจำนวน ๒๓ ชุด พร้อมทั้งมอบเงินในการสงเคราะห์ทายาทผู้ประสบภัยอีกรายละ ๑๐,๐๐๐ บาท ส่วนทางจังหวัดได้เร่งในการขอความช่วยเหลือจากเงินกองทุนสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า เงินจำนวนนี้ก็คงจะได้รับ โดยเบื้องต้นทางกองทุนการช่วยเหลือของสำนักนายกรัฐมนตรีจะให้ค่าจัดการศพรายละ ๕๐,๐๐๐ บาท และกองทุนเลี้ยงชีพอีก ๓๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ได้รับทุกคน แต่ทั้งนี้ถ้ามีส่วนเพิ่มในกรณีที่ทายาทเป็นเด็ก ก็จะมีในเรื่องของทุนการศึกษาเพิ่มอีก ขณะที่ญาตินางพเยาว์ บุญกล่อม นายโสพล สวยค้าข้าว นางรำไพ สวยค้าข้าวช้าง และ นายสมควร แจ้งวิถี ได้จัดพิธีตั้งบำเพ็ญกุศลศพทั้ง ๔ รายที่วัดโรงช้าง โดยนายพิชิต บุญกล่อม อายุ ๔๘ ปี ลูกชายนางพะเยา บุญกล่อม กล่าวว่า วันเกิดเหตุยังดีที่เป็นวันที่ ๑๗ ถ้าเป็นวันที่ ๑๖ เด็กนักเรียนจะเยอะกว่านี้ เพราะถ้าโรงเรียนปิดจะมีคนเยอะกว่านี้ จะมีลูกๆ ไปช่วยพ่อแม่ทำงาน ส่วนเรื่องเชิญวิญญาณต้องถามอีกที ร่างของแม่ตนถือว่ายังโดนไม่รุนแรง รายที่โดนรุนแรงก็จะยังยืนยันศพไม่ได้ แต่บางศพที่ยังจำไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าจะเอาเข้ากรุงเทพฯ หรือเปล่า ซึ่งใช้เวลาตรวจ ๗ วัน อย่างร่างเจ้าของโรงงานกับลูกยังจำสภาพศพไม่ได้ เพราะว่าอยู่ใกล้ และโดนแบบรุนแรงร่างแหลก เพราะเป็นคนที่อยู่ใกล้แรงระเบิดที่สุด ส่วนแม่ตนจะอยู่ปลายแรงระเบิด ร่างเลยไม่แหลกเละ ยังจำลักษณะได้“แม่ผมทำหน้าที่พันลูกบอล กรอกดินปืน แล้วพันสก็อตเทป แพ็กใส่ถุง ในกลุ่มของแม่ผมที่จำได้เพราะร่างยังไม่แหลก จำสร้อยที่แม่ใส่อยู่ได้ ที่บ้านผมมีแม่กับน้าอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ และเสียชีวิตพร้อมกัน ผมอยากให้แม่เลิกทำ แต่แม่ก็ไม่ยอม ผมรักแม่ รักที่สุด”.
ในหลวงโปรดเกล้าฯ พระราชทานสิ่งของ พร้อมเงิน ๑ หมื่นบาท ๒๓ เหยื่อพลุระเบิด
Related posts