สื่อต่างประเทศเผยแพร่คลิปวินาทีที่วัยรุ่นเกาหลีเหนือ ๒ คนถูกพิพากษาโทษต่อหน้าธารกำนัล ฐานดูซีรีส์เกาหลีใต้ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้าม โดยถูกลงโทษให้ใช้แรงงานหนัก ๑๒ ปีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ม.ค. ๒๕๖๗ สำนักข่าว บีบีซี เผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นวินาทีที่เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ พิพากษาลงโทษวัยรุ่นชาย ๒ คน ให้ไปใช้แรงงานหนักเป็นเวลา ๑๒ ปี โทษฐานแอบดูซีรีส์ของเกาหลีใต้ โดยมีนักเรียนนักศึกษาจำนวนหลายร้อยหรืออาจจะถึงพันคนนั่งดูการพิพากษาโทษครั้งนี้ด้วยตามรายงานของ บีบีซี คลิปดังกล่าวถูกถ่ายในปี ๒๕๖๕ แสดงให้เห็นภาพเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบและหนุ่มวัยรุ่น ๒ คนกำลังถูกสวมกุญแจมือ ยืนอยู่บนเวทีกลางแจ้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำหนิทั้งคู่ด้วยว่า ไม่สำนึกผิดในสิ่งที่ทำมากเพียงพอทั้งนี้ สื่อบันเทิงของเกาหลีใต้ รวมถึงรายการโทรทัศน์ เป็นสิ่งต้องห้ามในเกาหลีเหนือ แต่ถึงกระนั้น ยังคงมีชาวเกาหลีเหนือบางคนยอมเสี่ยงถูกลงโทษหนัก เพื่อเข้าถึงละครเกาหลีซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลกการมีคลิปวิดีโอช่วงเวลาลงโทษผู้กระทำผิดลักษณะเช่นนี้ถูกเผยแพร่ออกมา นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก เนื่องจากเกาหลีเหนือควบคุมอย่างเข้มงวดไม่ให้รูปถ่าย, วิดีโอ และสื่ออื่นๆ ซึ่งเป็นหลักฐานการใช้ชีวิตในแดนลับแลแห่งนี้ หลุดออกไปยังโลกภายนอกอย่างไรก็ตาม บีบีซี ระบุว่า พวกเขาได้คลิปวิดีโอดังกล่าวมาจากสถาบันพัฒนาฝ่ายเหนือและใต้ (South and North Development – Sand) องค์กรวิจัยที่ทำงานร่วมกับผู้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือคลิปดังกล่าวยังเป็นข้อบ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือจริงจังกับเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้มากขึ้น โดยมีรายงานว่า คลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นแบบอย่างการศึกษาในอุดมคติ และเตือนพลเรือนไม่ให้สื่อบันเทิงของฝ่ายใต้ที่พวกเขาระบุว่า เป็นความเสื่อมโทรมในคลิปยังมีเสียงบรรยายกล่าวสโลแกนโฆษณาชวนเชื่อซ้ำๆ ว่า “วัฒนธรรมของรัฐบาลหุ่นเชิดอันเน่าเฟะแพร่กระจายออกไปทุกที่ไม่เว้นกระทั่งเยาวชน” “พวกเขามีอายุเพียง ๑๖ ปี แต่พวกเขาทำลายชีวิตของตัวเองแล้ว” นอกจากนั้นยังมีการเปิดเผยชื่อและที่อยู่ของวัยรุ่นทั้ง ๒ คนด้วยอนึ่ง ในสมัยก่อน ผู้เยาว์ที่ทำผิดกฎหมายแบบนี้ในเกาหลีเหนือ มักถูกลงโทษให้ใช้แรงงานหนักแทนการเข้าคุก และมักมีโทษไม่เกิน ๕ ปี แต่ในปี ๒๕๖๓ รัฐบาลเปียงยางออกกฎหมายใหม่ ทำให้การดูหรือแจกจ่ายสื่อบันเทิงเกาหลีมีโทษหนักสุดถึงขั้นประหารชีวิตติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : bbc
