Friday, 20 December 2024

ล็อก "หัวโจก" รูดบัตรเครดิต ร่วมแก๊งโจร! ล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว

สืบนครบาลบุกรวบหนุ่มประวัติ โชกหัวหน้าแก๊งรูดบัตรเครดิตนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะสุมหัวกับ ๒ สาวเสพยาไอซ์คาโรงแรมดัง ย่านเสือใหญ่ ตำรวจต้องพังประตูห้องน้ำเข้าไปจับเพราะผู้ต้องหาถ่วงเวลาลบข้อมูลสำคัญในมือถือ สารภาพ “อาเหว่ย” บอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน แนะให้หาเครื่องรูดบัตรมาและจะให้ค่าหัวคิว ทำมาแล้ว มากกว่า ๒๐ ครั้ง ได้เงินไปประมาณ ๓ ล้านบาทแฉ ประวัติร้ายอยู่ระหว่างหนีหมายจับในคดีค้ายานรกข้ามชาติส่งไปเกาหลีใต้ ซ้ำยังพบแผนกู้เงินแบงก์แล้วโกงด้วยการจัดหาคนที่ยอมล้มละลายตกแต่งบัญชีเพื่อให้อนุมัติ พอได้เงินแล้วเชิด “ไม่มี ไม่หนีไม่จ่าย”สืบนครบาลบุกจับหนุ่มไทยบิ๊กเบิ้มแก๊งล้วงกระเป๋า นทท. เอาเครื่องรูดบัตรเครดิต เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๒๐ ม.ค. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. นำกำลังบุกจับกุมนายวรงค์ฤทธิ์ หรือฤทธิ์ รัตนกิจพิศาล อายุ ๔๖ ปี ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม๖๖ ข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามส่งของต้องห้ามออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้าม พร้อมยาไอซ์ หนัก ๔.๖ กรัม เครื่องรูดบัตรเครดิต ๔ เครื่อง สลิปการใช้บัตรเครดิต ๓๐ ใบ โทรศัพท์มือถือ ๓ เครื่อง (พบข้อมูลนัดหมายรูดบัตรกับกลุ่มผู้ขโมยบัตรจำนวนมาก) สมุดบันทึก ๒ เล่ม มีข้อมูลผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย ม้วนกระดาษสลิปโอนเงิน ๑ ม้วน จับกุมได้ที่ห้อง ๗๐๔ โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยเสือใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม.การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีแก๊งล้วงกระเป๋าขโมยบัตรเครดิตนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในประเทศไทยแล้วนำไปรูดซื้อของและกดเงินสดสร้างความเสียหายกับนักท่องเที่ยวและประเทศ ทำเป็นขบวนการวางแผนเป็นขั้นตอน หลายคดีที่เกิดขึ้นพบกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นชาวเวียดนามและจีน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งให้สืบนครบาลสืบสวนจนพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเกือบทั้งหมดเป็น “ชาวต่างชาติ” มีขบวนการที่เป็นคนไทยอยู่เบื้องหลัง สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สืบสวนขยายผลจากกลุ่มคนร้ายชาวจีน ๓ ราย ที่ล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวในวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ ๖ มกราคม๖๗ และนำบัตรเครดิตไปใช้พบพยานหลักฐานไปถึงนายวรงค์ฤทธิ์ คนไทยระดับหัวหน้าจัดหาเครื่องรูดบัตรโดยนำมาจากบริษัทที่จดทะเบียนขึ้นลอยๆและจากห้างร้านทองหลายแห่งมารวมกันไว้ใช้รูดบัตรโดยเฉพาะจากการสืบสวนพบว่า นายวรงค์ฤทธิ์เป็นบุคคลตามหมายจับข้อหาพยายามส่งออกยาเสพติดไปยังประเทศเกาหลีใต้ หลบหนีด้วยการตระเวนเปิดโรงแรมและย้ายไปเรื่อยๆ กระทั่งได้เบาะแสมาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านซอยเสือใหญ่ มั่วสุมเสพยาอยู่กับสาว ๒ คน นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม ระหว่างนั้นนายวรงค์ฤทธิ์เข้าไปแอบในห้องน้ำถ่วงเวลาเพื่อลบข้อมูลในโทรศัพท์ ชุดสืบสวนรู้ทันบุกพังประตูเข้าไปจับกุมไว้ได้พร้อมของกลางข้างต้น รวมทั้งจับกุม น.ส.จิราภา แซ่จิว อายุ ๓๙ ปี และ น.ส.มนัสนันท์ นัยผ่องศรี อายุ ๔๔ ปี ๒ สาวที่อยู่ในห้อง แจ้งข้อหาทั้ง ๓ คน ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมายหลังจับกุมเจ้าหน้าที่ยังพบว่า นายวรงค์ฤทธิ์ไม่ใช่แค่ “แก๊งขโมยรูดบัตรเครดิต” แต่ยังพบหลักฐานเตรียมฉ้อโกงธนาคารด้วยการวางแผนอย่างเป็นระบบ จัดหาคนโปรไฟล์ดี ไม่ติดเครดิตบูโรและพร้อมโดนฟ้องล้มละลาย ใช้วิธีตกแต่งบัญชีตบตาธนาคารให้ปล่อยกู้ แต่เมื่อได้เงินแล้วจะใช้วิธี “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” สร้างความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบเชื่อมโยงกับ อาเหว่ย “ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน”สอบสวนนายวรงค์ฤทธิ์รับสารภาพอ้างว่า ก่อนนี้มีธุรกิจส่วนตัวเปิดโรงแรม HOSTEL ย่านราชเทวี รวมทั้งเป็นนายหน้าขายที่ดินและรถยนต์ก่อนประสบวิกฤติโควิด-๑๙ ธุรกิจปิดตัวลง จนปลายเดือน พฤศจิกายน๖๖ ได้รู้จัก “อาเหว่ย” ชาวจีน บอสใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ตนติดต่อจัดหาเครื่องรูดบัตรเครดิตจากร้านค้าทั่วไปให้ อ้างว่ามีเพื่อนชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวในไทย อยากเปลี่ยนวงเงินในบัตรเครดิตที่ถืออยู่ให้เป็นเงินสดผ่านเครื่องรูดบัตร เพื่อใช้จ่ายระหว่างอยู่ในประเทศให้ค่าตอบแทนร้อยละ ๒๕-๓๐ ของเงินที่กดได้จากบัตร จึงไปติดต่อพรรคพวกเป็นโรงแรม ร้านค้าขอนำเครื่องรูดบัตรเครดิตมารูดสินค้าและบริการของทางร้านภายในวงเงินที่รูดได้ ก่อนทราบว่าเป็นการนำบัตรที่ได้จากการขโมยมารูดรวมแล้วไม่น้อยกว่า ๒๐ ครั้ง มูลค่าความเสียหายประมาณ ๑.๖-๓ ล้านบาทจากนั้นนำนายวรงค์ฤทธิ์พร้อม น.ส.จิราภา แซ่จิว และ น.ส.มนัสนันท์ นัยผ่องศรี และของกลางยาเสพติด ส่ง สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ส่วนของกลางประเภทเครื่องรูดบัตร และอื่นๆนำส่ง สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง ดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไปด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ไม่ปักใจเชื่อคำให้การผู้ต้องหาเนื่องจากหลักฐานมัดแน่นว่าผู้ต้องหารายนี้คือหนึ่งในตัวการสำคัญของแก๊งขโมยรูดบัตรเครดิต เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนและยังบ่อนทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อีกทั้งยังพบว่าผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ร้ายมือสมัครเล่น เพราะสนิทสนมกับหัวหน้าขบวนการคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนหากพบเห็นที่เข้าข่ายลักษณะขบวนการนี้ติดต่อให้เบาะแสทางเฟซบุ๊กเพจสืบนครบาล IDMB มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด ๒๔ ชั่วโมงอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่