ในห้วงแห่งวิกฤติก็ใช่ว่าจะมีแต่สิ่งเลวร้ายเสมอไปตามปรากฏการณ์ “สมานฉันท์” แบบที่สภาผู้แทนราษฎรไทยพร้อมใจกันลงมติรับหลักการร่าง พระราชบัญญัติบริหารจัดการอากาศสะอาดเพื่อประชาชน ตามที่ คณะรัฐมนตรีเสนอ พร้อมกับร่าง พระราชบัญญัติที่มีเนื้อหาลักษณะเดียวกันอีก ๖ ฉบับด้วยคะแนนเอกฉันท์ท้วมท้น ๔๔๓ ต่อ ๐ เสียงไม่มีคัดค้านแม้แต่แอะเดียว ทำให้สภาฯเดินหน้าตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน ๓๙ คน เพื่อพิจารณาวาระ ๒ ต่อไปไม่บ่อยนักที่นักการเมืองไทย รัฐบาลกับฝ่ายค้านจะมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นหมายถึงสัญญาณบวกในกระบวนการผ่านร่างกฎหมายอากาศสะอาดจะทำได้อย่างรวดเร็ว ทำคลอดกันอย่างว่องไวพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ภาคประชาชน มุ่งธงไปที่จุดหมายเดียวกันไฟต์บังคับ “วาระแห่งชาติ” เรื่องคอขาดบาดตายของคนไทย สส.ตัดเกมการเมือง ต่างฝ่ายต่างรับรู้ถึงความจำเป็น ต้องเร่งให้ทันต่อสถานการณ์รับมือวิกฤติฝุ่นควันพิษ PM๒.๕ ที่หนักหนาสาหัสวัดค่าฝุ่นแบบรายวันมีแต่สีส้มไปจนถึงระดับสีแดงกรุงเทพฯ ปริมณฑล หัวเมืองใหญ่ อยู่ในระดับวิกฤติ ค่าฝุ่นควันพิษ PM๒.๕ เกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบสุขภาพประชาชนไม่เว้นรัฐมนตรี ผู้แทนฯ ก็หนีไม่พ้นผลพวงจากฝุ่นมฤตยูแนวโน้มสถานการณ์มีแต่หนักขึ้นทุกขณะ ถ้าไม่รีบแก้ไขเสี่ยง “ตายหมู่” ดูตามรูปการณ์ “การเมืองเรื่องฝุ่น” ส่งสัญญาณบวกในทิศทางที่ดี ในจังหวะ “ฝุ่นการเมือง” ที่คละคลุ้งตามเงื่อนไขสถานการณ์ระเบิดลงค่ายอันดับสองของพรรคร่วมรัฐบาลจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญลงมติด้วยเสียงข้างมาก ๗ ต่อ ๑ พิพากษาให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีคมนาคม จากการถือหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด “บุรีเจริญคอน สตรัคชั่น”tt ttศักดิ์สยาม ชิดชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสอง ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒จากการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๗ ประกอบ พระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.๒๕๔๓ มาตรา ๔ (๑)ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวแต่ควันหลงและสะเก็ดไปส่อลามถึงค่ายภูมิใจไทย ตามมุมที่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายวิเคราะห์คาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันเงื่อนไขทางคดีอาจไหลแรงไปถึงขั้นโดนคดี “ยุบพรรค” ตามมาแม้ค่ายก้าวไกลที่เป็นตัวหลักในการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการถือครองหุ้นของนายศักดิ์สยาม แต่กองทัพส้มก็โชว์หล่อ ไม่ไล่บี้ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยต่อ เพราะยึดหลักการไม่ควรมีองค์กรใดๆ มีอำนาจประหารพรรคการเมือง อย่างที่ทีมคนรุ่นใหม่ พรรคอนาคตใหม่เคยโดนล้างกระดานโจทก์ไม่ติดใจเล่นงานจำเลยถึงขั้นล้างบางอย่างไรก็ตาม โดยกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย คำตัดสินของรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร ในเมื่อคดีการถือครองหุ้นของเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาเป็นพฤติการณ์ผิดกฎหมาย โดยพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเทตามที่ตุลาการไล่สอบ ตรวจเจอพิรุธตามเอกสารหลักฐานอาฟเตอร์ ช็อกต่อเนื่องต้องตามมาเป็นลูกติดพันมันหนีไม่พ้นโดนลากเข้า “เช็กบิล” ช็อตต่อไป แบบที่ “นักร้องอาชีพ” นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการมูลนิธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ตามไล่บี้ซ้ำ ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน โยงหุ้นบุรีเจริญของนายศักดิ์สยาม มีความผิดฐานอำพรางปกปิด ผิดจริยธรรมร้ายแรงด้วยหรือไม่โหมชนวนไฟลามทุ่ง สกัดลำบากตามอาการสะดุ้งแบบที่น้องเล็กตระกูล “ชิดชอบ” ต้องรีบไขก๊อกทิ้งเก้าอี้เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ร่อนใบลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ“ตัดตอน” เบรกกระแสการเมืองกันในทีแต่ประเมินตามรูปคดี ยึดตามการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากที่ให้เหตุผลหักลบข้อแก้ต่างของนายศักดิ์สยามตามรูปการณ์เหมือนจำเลยยิ่งแก้ ยิ่ง “มัดคอตัวเอง”โดยเฉพาะปมเงินบริจาคเข้าพรรค ๓ ครั้ง รวมกว่า ๑๒ ล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่า โยกมาจากบัญชีของนายศักดิ์สยามเลขาธิการพรรคส่อโดนปมซิกแซ็กบริจาคเงินเข้าพรรคตัวเองtt ttธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเทียบเคียงกับกรณีของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่โดนศาลรัฐธรรมนูญฟันขาดสองท่อน จากการซิกแซ็กให้พรรคกู้ยืมเงินส่วนตัวไปใช้ในกิจกรรมทางการเมืองพรรคอนาคตใหม่โดนยุบ แตกฉานซ่านเซ็นมาตั้งพรรคก้าวไกลด้วยมาตรฐานที่เคยมีคำพิพากษาไว้ ทีมเกรียนเซราะกราว คงอยู่ในภาวะหนาวๆร้อนๆ พรรคภูมิใจไทยเสี่ยงย่ำรอยตามพรรคอนาคตใหม่เรื่องของเรื่อง ตั้งแต่ต้นปีใหม่ ๒๕๖๗ ยังไม่พ้นเดือนมกราคม พรรคภูมิใจไทยเจอระเบิดลงไป ๓ ช็อตติดต่อกัน ก่อนจะถึงคิวของนายศักดิ์สยามเริ่มจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชักใบแดงให้นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สส.นครศรีธรรมราชจ่อเลือกตั้งใหม่ต่อเนื่องกับศาลฎีกาพิพากษา จำคุก และตัดสิทธิดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต ๓ อดีต สส.ค่ายเซราะกราว ประกอบด้วย นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายภูมิศิษฏ์ คงมี และนางนาที รัชกิจประการ จากพฤติการณ์ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง คดีเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน“ปีชง” แทบไม่ได้หายใจหายคอtt ttอนุทิน ชาญวีรกูลอารมณ์แบบที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้องยกธรรมะ “กัมมุนา วัตตติ โลโก กุ๊กกุ๊ก” ปลอบอกปลอบใจเป็นนัยว่า ไม่ตื่นเต้นรับชะตา สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรไว้ สุดท้ายก็มาจบที่ศาลฎีกา หากศาลฎีกาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้นณ จุดที่พิสูจน์แล้วว่า มีเส้น ไม่มีเส้น โดนเหมือนกันหมด เพราะกระบวนการศาลตัดสินเป็นไปตามพยานหลักฐาน ด้วยความเป็นเหตุเป็นผล สามารถอธิบายความเป็นที่ประจักษ์กับสังคมที่แน่ๆโดยวิบากกรรมทางคดีที่ไล่ตามค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย น่าจะกระตุก อารมณ์นักการเมืองอาชีพ ให้ระมัดระวังความเสี่ยงเงี่ยงคมกฎหมายปรามพวก “ย่ามใจ” ไม่ให้บ้าบิ่น บุ่มบ่ามตามจังหวะสถานการณ์พอดิบพอดีกับการที่ผู้นำรัฐบาลอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง และทีมงานพรรคเพื่อไทย กำลังละล้าละลังกล้าๆกลัวๆกับการเดินหน้า “ลุยไฟ” ด้วยเท้าเปล่าภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่น “โนติส” ร่อนเอกสารเตือนรัฐบาล เสี่ยงเดินหน้าโครงการเทกระจาด “ดิจิทัล วอลเล็ต ๑๐,๐๐๐ บาท”ช่องโหว่เอื้อทุจริตเชิงนโยบาย ผิดกฎหมายหลายฉบับโดยการประทับยี่ห้อ “มือปราบทุจริตจำนำข้าว” อย่างนางสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานคณะกรรมการศึกษาข้อมูล กระตุกภาพหลอน “เดจาวู”ในอารมณ์แบบที่นายเศรษฐา ประสานเสียงกับนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง หัวขบวนขับเคลื่อนเรือธงดิจิทัล วอลเล็ตฯ ยืนกรานเดินหน้าไม่มีถอยแน่ แม้จะผิดแผนที่ประกาศแจกในเดือนพฤษภาคมนี้เพื่อไทยยังทำใจดีสู้เสือ ไม่ยอมเสียฟอร์ม เสียเหลี่ยมการเมืองแต่โดยอาการที่จับทางได้ ก็ไม่กล้าเอาหูไปนา เอาตาไปไร่เหมือนกันเพราะนั่นต้องยอมรับผลที่จะตามมา ในกรณีพลาดพลั้ง เดินหน้าลุยไฟไปแล้ว นโยบายดิจิทัล วอลเล็ตฯถูกตีความว่า ล้มเหลว มีการทุจริตเชิงนโยบายผลาญงบประมาณจากเงินกู้ ๕ แสนล้านบาทโอกาสที่จะล้อตามสัจธรรมของ “เสี่ยหนู” ที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม และมันจะไม่ได้ขำแบบมุก “กัมมุนา วัตตติ โลโก กุ๊กกุ๊ก” ที่อำกันสนุกๆแต่มันเสี่ยงจะเป็น “กัมมุนา วัตตติ โลโก คุกคุก” หัวเราะไม่ออกเลย.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม
