Thursday, 14 November 2024

เหรียญฉลุ หลวงปู่เอี่ยม เนื้อทองคำ พ.ศ.๒๔๖๗ สร้างพิเศษ มีเพียง ๑๓ เหรียญ

21 Jan 2024
98

เหรียญฉลุ หน้าเล็ก เนื้อทองคำ พ.ศ.๒๔๖๗ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ของ นิธิศ นนท์วราเวช.ตั้งแต่จะเปลี่ยนปีสิ่งสำคัญที่บรรดาสายมู สายเทพ ต้องทำคือ เช็กดวงว่าเป็น ปีชง หรือเปล่า ดวงเมืองเป็นยังไงจะได้แก้ชงตามความเชื่อพอเกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด มีคนตายไปถึง ๒๓ คน จึงกลายเป็นข่าวกระพือว่าดวงเมืองกำลังวิกฤติ ส่วนสายไม่มู ก็เห็นว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้เสมอในการทำงานกับวัตถุก่อระเบิด — ก็ขออาราธนาพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์จากพระเครื่องทุกองค์ใน สนามพระวิภาวดี วันนี้คุ้มครองดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตให้พบความสงบในชาติภพที่ดีtt ttพระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วัดระฆังฯ ของนิธิศ นนท์วราเวช.องค์แรกเลย เป็น จักรพรรดิพระเครื่อง “องค์ครู” พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ เขตบางกอก น้อย กรุงเทพฯ ที่มีภาพในหนังสือพระสมเด็จฉบับมาตร ฐานมาตลอดจนถึงวันนี้เพราะครบเครื่องทั้งสัดส่วนฟอร์มทรง พิมพ์พระคมชัด ติดเต็มเสมอกัน ผิวเนื้อที่บอกอายุธรรมชาติความเก่าถึงยุค เนื้อพระหนึกนุ่มแน่นด้วยมวลสารครบสูตรสำคัญสุดที่ รอยปาดหลังองค์พระ และ ริมขอบ รอบด้าน มีรอยปริเป็นบั้งๆ เว้นระยะเป็นระเบียบ ซึ่ง เป็นจุดพิจารณา เอกลักษณ์สำคัญของพระสมเด็จวัดระฆังฯ ที่สายตรงบอกเห็นหลังก็รู้แล้วจึงเป็นองค์เป้าหมายในสายตานักนิยมพระ “รังใหญ่” ที่ซื้อขายเปลี่ยนมือกันเป็นระยะ มาวันนี้ก็ได้บันทึกใหม่ล่าสุดว่าเจ้าของพระดีพรีเมียมองค์นี้ คือ เสี่ยนิธิศ นนท์วราเวช ที่กำลังเข้ามาสร้างความสนใจ เพราะพระแต่ละองค์สวยเด็ดสะระตี่ จนทุกคนฮือฮาถามกันว่าเป็นใครtt ttพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ วัดใหม่อมตรส ของพรรค คูวิบูลย์ศิลป์.ต่อด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ วัดใหม่อมตรส แขวงบางขุนพรหม กรุงเทพฯ สภาพสมบูรณ์ กำลังงาม น่ารัก ใครเห็นก็อยากได้เพราะเป็นพระแท้ดูง่าย ใช้บูชาพึ่งพาพุทธคุณได้ โชว์ได้ ที่สำคัญ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ ตั้งราคาไว้ยุติธรรม อยากรู้เท่าไรถามตรงเลยtt ttพระพิมพ์สมเด็จ ๘ ชั้น แขนหักศอก หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร ของก้อง พระสมเด็จ.ยังป้วนเปี้ยนอยู่กับ โซนพระสมเด็จ องค์ที่สามเป็น พระพิมพ์สมเด็จฐาน ๘ ชั้น แขนหักศอก หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร แขวงบางขุนพรหม กรุงเทพฯ พระพิมพ์สมเด็จยอดนิยมชั้นศิษย์ ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯโต ที่ได้รับความนิยมสูง เพราะเชื่อว่าสร้างตามตำรับวิชาที่ได้รับถ่ายทอดโดยตรง และต้องมีผงพุทธคุณ ๕ ประการ ของสมเด็จฯท่านเป็นมวลสารผสมด้วยแน่ๆกับทั้งองค์ท่านผู้สร้างได้ชื่อเป็นพระเกจิฯที่มีวิชาพุทธาคมเข้มขลัง อุปสมบทออกธุดงค์จากเมืองเหนือ มุ่งมั่นแสวงหาพระอาจารย์เรียนวิชา เรื่อยมาจนถึงเมืองหลวง ก็ได้เป็นศิษย์สืบทอดวิชาสายตรงของ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯโต ตอนท่านไปเป็นประธาน สร้างพระพิมพ์สมเด็จบางขุนพรหม บรรจุองค์พระเจดีย์ขณะท่านเป็นเจ้า อาวาสวัดอินทรวิหารท่านได้สร้างพระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ ในวาระสำคัญหลายรุ่นหลายแบบล้วนได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะ พระพิมพ์สมเด็จ อย่างองค์ในภาพนี้ ของ เสี่ยก้อง พระสมเด็จ ที่เป็นพิมพ์นิยมแถวหน้า–สภาพสมบูรณ์สวยแชมป์แบบนี้ ราคาอยู่ที่หลักแสนต้นๆเองtt ttพระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ.๒๕๑๑ ในรัชกาลที่ ๙ ของโจ๊ก ลำพูน.ตามมาด้วยพระพิมพ์จากฝีพระหัตถ์หนึ่งเดียว ในรัชกาลที่ ๙ พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ.๒๕๑๑ พระราชวังสวนจิตรลดา กรุงเทพฯเริ่มตั้งแต่ออกแบบรูปทรงเป็นองค์สามเหลี่ยม จำลององค์พระพุทธนวราชบพิตร โดยมี อ.ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ หัวหน้าช่างกองศิลป์ กรมศิลปากร เป็นที่ปรึกษา และรวบรวมมวลสารวัตถุมงคล บดผสมเรซิน เป็นเนื้อพระ กดพิมพ์สำเร็จเป็นองค์พระ พระราชทานด้วยพระหัตถ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๘-๒๕๑๓ แบบสร้างไปแจกไปพระราชทานข้าราชบริพาร และทหารตำรวจ ที่ร่วมรบสงครามเวียดนาม เกาหลี พร้อมใบประกาศ ได้รับความนิยม อย่างสูง ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เทิดทูนถวายนามว่า “พระกำลังแผ่นดิน” องค์นี้ ของ เสี่ยโจ๊ก ลำพูน เป็นพระพิมพ์ปี พ.ศ.๒๕๑๑ ที่มีเอกลักษณ์ที่ “เม็ดผด” ขึ้นเต็มผิวเนื้อด้านหน้า– สภาพสมบูรณ์สวยเดิมๆ แบบนี้ราคาสูงหลายล้านตามด้วย เหรียญฉลุ หน้าเล็ก เนื้อทองคำ พ.ศ.๒๔๖๗ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง บางขุนเทียน กรุงเทพฯ เหรียญสร้างพิเศษ มีเพียง ๑๓ เหรียญตามประวัติบันทึกคำบอกกล่าวของ คุณหญิงวรรณา ทายาทของ “หมอกิม” (โกศล ศิริเวชกุล) หมอประจำตัวหลวงปู่ มีว่า ได้ขออนุญาตสร้างจำนวน ๕ เหรียญ ต่อมาคหบดีตระกูล “ลัดพลี” ได้ขออนุญาตสร้างเพิ่มอีก ๘ เหรียญ รวมเป็น ๑๓ เหรียญลักษณะเป็นเหรียญฉลุ แบบประกบ มีตัวยึดติดเป็นหมุด “ตาไก่” บล็อกพิมพ์หน้าเล็ก เนื้อทองคำแบบเดียวกับเหรียญในหนังสือ อ.ตรียัมปวาย และหนังสือหลวงปู่เอี่ยมยุคเก่า ที่มี อายุกว่า ๕๐ ปีขี้นไป แบบเดียวกับเหรียญฉลุทองคำของตระกูล “ทองอู๋” ซึ่งเป็นตระกูลของ หลวงปู่เหรียญนี้ได้รับการยอมรับเป็นเหรียญสภาพสมบูรณ์สวยเดิมทุกอณู ทั้งหมุดตาไก่ พื้นเนื้อเหรียญฉากหลัง ที่มีลายมือจารอักขระกำกับเห็นชัดอยู่หลายตัวเป็นการันตี เป็นเหรียญเป้าหมายที่นักนิยมสายตรงคนดัง รังใหญ่ ทุ่มทุนซื้อขายเปลี่ยนมือมาหลายรัง–ณ วันนี้ ก็มีชื่อ เสี่ย นิธิศ นนท์วราเวช เป็นเจ้าของไปแล้วเหมือนกันtt ttเหรียญเจ้าสัว เนื้อทองแดง หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ของ อิทธิ ชวลิตธำรง.อีกรายการเป็น เหรียญหล่อเจ้าสัว เนื้อทองแดง พระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม อมตะพระเกจิอาจารย์ต้นตำรับวิชา “ผงยาวาสนาจินดามณี” เมืองนครปฐมท่านเป็นชาว อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พอรู้ความบิดามารดานำไปฝากเรียนหนังสือเบื้องต้นกับ พระปลัดทอง วัด คงคาราม อยู่ถึงอายุ ๑๕ ปี จึงบวชเณร พออายุ ๒๒ ปี บวชพระ ที่วัดกลางบางแก้ว มีพระปลัดปาน วัดตุ๊กตา เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “ขันธโชติ”ท่านมุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมและวิชาพุทธาคมจนสำเร็จอย่างแตกฉาน และเคร่งครัดในสมณเพศเป็นที่เคารพศรัทธา จนในปี พ.ศ.๒๔๒๙ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว พัฒนาวัดจนเจริญคู่ไปกับการเผยแผ่ศาสนา และออกธุดงค์ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจารย์ (พรหม) วัดกัลยาณมิตรต่อมาท่านได้รับเลื่อนสมณศักดิ์สูงขึ้น จนปี พ.ศ.๒๔๗๒ ก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระพุทธวิถีนายก จนมรณภาพในปี พ.ศ.๒๔๗๘ สิริอายุ ๘๗ ปี พรรษา ๖๕ตลอดอายุท่านสร้างพระเครื่องของขลัง วัตถุมงคลไว้มากมาย ล้วนมีชื่อเสียง อาทิ พระพิมพ์เนื้อผงยาจินดามณี เบี้ยแก้ และ เหรียญหล่อเจ้าสัว อย่างในภาพนี้ของ เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรงเป็นเหรียญหล่อเจ้าสัวเนื้อทองแดง สร้างออก พ.ศ.๒๔๗๗ คราวงานทำบุญอายุครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี โดยท่านเจ้าคุณพระวินัยกิจโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดกัลยาณ มิตร สร้างถวาย กำหนดนามเรียกเป็น เหรียญซุ้มกระจัง ต่อมามีผู้นำไปใช้บูชามีฐานะมั่นคงเป็นที่เลื่องลือ จึงขนานนามว่า เหรียญเจ้าสัวมี เนื้อเงิน เนื้อทองแดง มี ๒ แม่พิมพ์คือ พิมพ์ชะลูด กับ พิมพ์ต้อ ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็น เหรียญหล่อพระเกจิฯอันดับ ๑ ของนครปฐม–และเป็นเหรียญหล่อราคาหลักล้าน ถ้าสภาพงามสมบูรณ์เดิมๆ อย่างเหรียญนี้ ที่หาได้ยากมากtt ttพระปรุหนัง พิมพ์บัวเบ็ด เนื้อชินเงิน วัดมหาธาตุ ของ สก.กฤษฏ์ คงวุฒิปัญญา.องค์ต่อไปไม่ได้ดูมานาน คือ พระปรุหนัง พิมพ์บัวเบ็ด เนื้อชินเงิน วัดมหาธาตุ จ.อยุธยา พระกรุ เนื้อชินยอดนิยม อันดับ ๑ ของเมืองพระนครศรีอยุธยาค้นพบครั้งแรกที่กรุพระวัดมหาธาตุ ในกำแพงเมืองด้านหน้าพระราชวังทางทิศตะวันออก และต่อมาพบอีกที่วัดราชบูรณะ วัดพุทไธศวรรย์ วัดพระศรีสรรเพชญ์ และที่วัดปราสาทเป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยายุคต้น ในสมัย พระเจ้าปราสาททอง ลักษณะเป็น พระพิมพ์เทหล่อด้วยเนื้อโลหะผสมชินเงิน พุทธศิลป์สมัยอู่ทองยุคปลาย แยกพิมพ์ได้เป็นพิมพ์บัวเบ็ด พิมพ์ก้างปลา พิมพ์ปรุหนังเดี่ยว พิมพ์หนังลีลาที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นพิมพ์บัวเบ็ด ที่กลีบบัวปลายฐานมีเส้นปลายโค้งคล้ายขอเบ็ดชูเด่นเห็นชัด อย่างองค์นี้ ของ สก.กฤษฏ์ คงวุฒิปัญญา ที่เป็นพระสภาพสมบูรณ์สวยแชมป์องค์จริงtt ttพระพิมพ์สมเด็จอกวี ฐาน ๙ ชั้น หลังยันต์ หลวงปู่ เผือก วัดกิ่งแก้ว ของทนันท์ ยอดศรีมงคล.องค์สุดท้าย เป็น พระพิมพ์สมเด็จ พิมพ์อกวี ฐาน ๙ ชั้น หลังยันต์สาริกา พ.ศ.๒๔๙๖ หลวงปู่ เผือก วัดกิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พิมพ์พระสร้างชื่อ ได้รับ ความนิยมสูง ไล่หลังเคียงคู่มากับ พระพิมพ์ขุดสระใหญ่–เล็กแยกพิมพ์เป็นหลัง ๓ แบบ คือ ยันต์ครู ยันต์นะคู่ และ ยันต์สาริกา แบบองค์นี้ ของ เสี่ยทนันท์ ยอดศรีมงคล เป็นพระสภาพงามแชมป์ ที่ปัจจุบันราคาหลักหมื่นกลางถึงปลายบรรทัดต่อไปเป็นข่าวบอกบุญให้ วัดน้อย อ.อินทร์บุรี สิงห์บุรี ซึ่งลูกศิษย์นำโดย ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กำลังช่วยกันระดมทุน เพื่อจัดซื้อที่ดินติดหน้าวัด ๔ ไร่ ๒ งาน ในราคาราวๆ ๕ ล้านบาท ถวายวัดก่อนจะมีโรงงานมาซื้อซึ่งผู้บริจาคจะได้รับ พระกริ่ง พลังแผ่นดินอินทร์บุรี พร้อมใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษีเงินได้ปี ๒๕๖๗โดยบริจาคเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ได้รับพระกริ่งเนื้อเงิน ถ้า ๔๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ได้พระกริ่งเนื้อทองคำ และ ๔๕,๐๐๐ บาทขึ้นไป ได้รับพระกริ่งเนื้อทองคำ และเนื้อเงิน–ผู้มีจิตกุศลอยากช่วยวัดติดต่อกับ คุณตู่–ชัยวัฒน์ ได้เลย ที่ ๐๘-๕๙๐๐-๗๗๗๗ลากันกับเรื่องปิดท้ายที่เกิดขึ้นในวันที่มีข่าวอาจารย์สักอวดอุตริ ลงนะหน้าทอง ในตำแหน่งผิดที่ผิดทาง พิสดาร อุบาทว์ อนาจารกลุ่มนักนิยมพระที่ดูข่าวอยู่ด้วยกันจึงด่าอาจารย์ระงมว่าทำวิปริตวิชาอัปรีย์ และถือโอกาสอธิบายว่า วิชาลงนะหน้าทองเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับใช้ลงแผ่นทองปิดหน้าผากเพื่อความเป็นสิริมงคลให้มีเสน่ห์เมตตามหานิยมและก็ยังมีวิชาลง นะเมตตา มหาละลวย ที่ทำให้ผู้พบเห็นใจอ่อน ถวิลหา เป็นวิชาที่มีมาแต่โบราณ ไม่เคยรู้ว่ามีวิชาอัปรีย์แบบนี้มาก่อนถึงตรงนี้ผู้อาวุโสน้อยในกลุ่มคงอยากเบรกอารมณ์โมโหร้อนแรงจึงยกมือถาม สนุกๆว่า แล้วพี่ว่ามีวิชาลงนะอะไรไหมที่ทำให้เห็นหน้าแล้วรู้สึกมึน เหมือนเวลาผมเห็นหน้าเมียมั่งไหมครับผู้อาวุโสทำหน้าตึง แต่ก็ตอบว่า ไม่น่ามี ถ้าแบบนั้นต้องเรียกเป็นวิชา “นะหน้าเมีย” นะ อามิตตพุทธ.สีกาอ่างคลิกอ่านคอลัมน์ “สนามพระ” เพิ่มเติม