Thursday, 19 December 2024

"ก้าวไกล" อ้าง หลักฐาน ยก ๖ ข้อ เชื่อ "พิธา" รอดคดีหุ้นไอทีวี เข้าสภา (คลิป)

พรรคก้าวไกล เปิดหลักฐาน ยก ๖ ข้อ ทำให้พรรคเชื่อมั่น “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล รอดปมหุ้นสื่อ เชื่อ ได้เข้าสภา ๒๔ มกราคมนี้วันที่ ๒๑ ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เผยแพร่คลิปความยาว ๗.๐๓ นาที เปิดหลักฐาน ข้อเท็จจริง และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลและ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะรอดพ้นจาก คดีหุ้นสื่อ (ไอทีวี) ได้กลับมาเป็น สส. และอาจได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาอีกครั้งคลิปดังกล่าวพรรคก้าวไกลยกผลโพลต่างๆ สะท้อนความนิยมของนายพิธา และพรรคก้าวไกล จนกระทั่งพรรคก้าวไกลคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ นอกจากนั้นยังระบุว่ามีกระบวนการพยายามทำให้นายพิธาหลุดจากการเป็น สส. ส่งผลเชิงจิตวิทยาต่อการโหวตนายกรัฐมนตรี จากการกล่าวหาว่า ถือหุ้นสื่อมวลชน อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญพรรคก้าวไกลเปิดหลักฐานซึ่งเป็นคลิปวิดีโอขณะ “ไอทีวี” ออกอากาศวันสุดท้าย คือวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๑ ก่อนหลังเวลา ๐๐.๐๐ น. จะปิดตำนาน “ไอทีวี” ไปตลอดกาลขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกล เชื่อว่า นายพิธาจะไม่ถูกตัดสิทธิ หรือหลุดจากการเป็น สส. เพราะไอทีวีไม่ใช่สื่อมวลชนแล้ว ด้วยเหตุผลดังนี้๑. ไม่มีใบอนุญาตคลื่นความถี่ เนื่องจากไอทีวีถูกรัฐบาลไทยแจ้งยกเลิกสัญญาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๐๒. ภายหลังมีการออก พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ก่อให้เกิด “สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส” ส่งผลให้ไอทีวีต้องเลิกประกอบกิจการโทรทัศน์ รวมถึงยังมีคดีพิพาทเกี่ยวกับค่าเสียหายในศาลปกครองกับรัฐบาลไทยด้วย๓. คิมห์ ประธานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ยืนยันต่อศาลว่าไอทีวีไม่มีพนักงาน ไม่มีรายได้จากการทำสื่อ ไม่มีการทำสื่อ และยังไม่มีแผนจะทำสื่อ และถ้ายึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะศาลเคยเห็นว่าหากไม่มีรายได้จากการทำสื่อก็ไม่ถือเป็นสื่อ๔. ไม่มีหลักฐานจดแจ้งการพิมพ์ จึงไม่อาจเป็นผู้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสิ่งพิมพ์อื่นได้๕. ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการภาพยนตร์ วีดิทัศน์ และสื่อโฆษณา จึงไม่อาจประกอบกิจการดังกล่าวได้๖. ศาลปกกครองสูงสุดเคยชี้ว่าไอทีวีไม่ปรากฏหลักฐานการดำเนินการสื่อวิทยุโทรทัศน์แล้วหรือต่อให้สมมติว่าเป็นสื่อมวลชนจริง นายพิธาก็มีหลักฐานว่าไม่ได้ครอบครองหุ้นตั้งแต่วันสมัคร สส. คือ ตั้งแต่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ตอนเป็น สส.ปี ๒๕๖๒ นายพิธาแจ้งชัดเจนว่า ถือหุ้นดังกล่าวในฐานะผู้จัดการมรดกจากพ่อที่เสียชีวิตหรือหากศาลมองว่าถือหุ้นสื่อจริง หุ้นดังกล่าวก็มีสัดส่วนเพียง ๐.๐๐๓๔๘% เท่านั้น ไม่สามารถครอบงำ สั่งการ ให้ทำการใดๆ หรือไม่ทำการใดๆ ได้สรุปแบบให้เข้าใจง่ายๆ คือ๑. ไอทีวีไม่ใช่สื่อ๒. ไอทีวีไม่มีคลื่นความถี่๓. ไอทีวีไม่มีใบอนุญาต๔. ไอทีวีไม่มีรายได้จากการทำสื่อ๕. นายพิธาถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกและ ๖. ถ้านายพิธาถือหุ้นจริงก็ถือเพียง ๐.๐๐๓๔๘% ไม่สามารถสั่งการ ครอบงำใดๆ ได้พรรคก้าวไกล เน้นย้ำว่า ที่สำคัญคือตอนนี้ไม่มีไอทีวีแล้ว นายพิธาไม่เคยไปออกเวทีดีเบตไอทีวี ไม่เคยใช้ไอทีวีสร้างความนิยมให้ตนและพรรค ไอทีวีไม่เคยออกข่าวใส่ร้ายป้ายสีพรรคอื่น ไอทีวีไม่ได้นั่งจัดรายการเฟกนิวส์ให้ผู้อื่นเสียหาย จนทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ขณะที่นายพิธามีความมั่นใจในข้อมูล ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานทั้งหมดดังนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงกังวล รอติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ช่วงบ่ายวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๗