Monday, 18 November 2024

สหรัฐฯ ดับเกือบ ๙๐ ศพ พายุฤดูหนาวถล่ม คาดเย็นเยือกต่ออีกหลายวัน

พายุฤดูหนาวที่พัดถล่มสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ ๙๐ ศพ โดยคาดว่าอากาศจะเย็นเยือกต่อไปอีกหลายวันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ ๒๑ ม.ค. ๒๕๖๗ ว่า เหตุพายุฤดูหนาวรุนแรงถล่มสหรัฐฯ เกือบทั่วประเทศตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว ๘๙ ศพ โดยพยากรณ์อากาศคาดว่าสภาวะเย็นเยือกจะดำเนินไปจนถึงช่วงกลางสัปดาห์นี้ ในขณะที่ประชาชนหลายหมื่นคนทั่วประเทศ ยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ข่าวระบุว่า รัฐที่มีผู้เคราะห์ร้ายมากที่สุดคือรัฐเทนเนสซี พบแล้ว ๒๕ ศพ ตามด้วยรัฐโอเรกอน ๑๖ ศพ โดยทั้ง ๒ รัฐยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งสภาวะฉุกเฉินหลังพายุฤดูหนาวเข้าถล่ม ขณะที่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตในรัฐอื่นๆ ด้วย เช่น อิลลินอยส์, เพนซิลเวเนีย, มิสซิสซิปปี, วอชิงตัน, เคนทัคกี, วิสคอนซิน, นิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์ และอื่นๆที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน มีผู้ถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตในวันพุธที่ ๑๗ มกราคมที่ผ่านมา หลังลมกระโชกแรงพัดเสาไฟฟ้าจนลมลงใส่รถยนต์ของพวกเขา โดยเด็กทารกที่อยู่ในรถรอดชีวิตมาได้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนข้อเท็จจริงของการเสียชีวิตอื่นๆ รวมถึง ๑ ศพในอุบัติเหตุรถชน ๕ คันรวดในรัฐเคนทัคกี และ ๔ ศพในรัฐอิลลินอยส์ ขณะเดียวกันที่เมืองซีแอตเติล ในรัฐวอชิงตัน มีผู้เสียชีวิตถึง ๕ ศพ ภายในระยะเวลา ๔ วัน โดยคาดว่าทั้งหมดเป็นคนไร้บ้านที่รัฐมิสซิสซิปปี เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับเหตุขาดแคลนน้ำเนื่องจากพายุ จนทำให้ชาวบ้านหันไปกักเก็บน้ำในอ่างอาบน้ำของตัวเอง ส่งผลให้เกิดภาวะแรงดันน้ำต่ำลงชั่วคราว และน้ำประปาไม่ไหล กระทบชาวเมืองแจ็กสันหลายพันคน โดยเมืองเอกของรัฐมิสซิสซิปปีแห่งนี้ มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำมานานแล้วจนถึงตอนนี้ ปัญหาไฟฟ้าดับหลายจุดทั่วสหรัฐฯ เริ่มกลับมาเป็นปกติ แต่ยังมีประชาชนอีกหลายหมื่นคนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยจนถึงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ปัญหาไฟฟ้าดับยังกระทบชาวรัฐโอเรกอนเกือบ, ๑๐,๐๐๐ คน, นอร์ทแคโรไลนาอีก ๘,๐๐๐ คน, แคลิฟอร์เนีย ๗,๐๐๐ คน และที่เคนทัคกีอีก ๔,๓๐๐ คนด้านพยากรณ์อากาศของสหรัฐฯ คาดว่าสภาวะอากาศหนาวและลมเย็นเยือกจะดำเนินไปจนถึงช่วงกลางสัปดาห์นี้เป็นย่างน้อย แล้วหลังจากนั้นคาดว่าอากาศจนอุ่นขึ้นและอาจมีฝนตก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ของภูมิภาคมิดเวสต์ และตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : bbc