ไปอินโดนีเซียงวดนี้ผมได้ “ของแถม” ที่ทรงคุณค่ายิ่งมาด้วยชิ้นหนึ่ง…นั่นก็คือ มีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศการเลือกตั้งใหญ่ของชาวอิเหนา ซึ่งกำลังจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายพอดิบพอดีเป็นการเลือกตั้งหลายระดับ ตั้งแต่การเลือกตั้ง “ประธานาธิบดี” ขึ้นมาเป็นผู้นำบริหารประเทศ ไปจนถึงการเลือกผู้แทนราษฎรประจำจังหวัดต่างๆ…โดยกำหนดวันไปลงคะแนนเสียงไว้อย่างหวานชื่นมาก…คือ…วันพุธที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ หรือ “วันวาเลนไทน์” ที่หนุ่มสาวทั่วโลกรอคอยนั่นเองที่ผมตื่นตาตื่นใจมากก็คือ ช่วงที่ออกเดินทางไปยังชุมชนนอกเมืองหลวงต่างๆดังเช่น เมื่อไปสักการะองค์พระมหาสถูป “บุโรพุทโธ” ที่ตั้งอยู่นอกตัวเมือง ซึ่งจะต้องนั่งรถผ่านไปตามถนนแคบๆแบบรถสวนได้ทีละคันนั้น…จะเห็นทั้ง “ธงทิว” หลากสีและป้ายหาเสียงปักสูงบ้างตํ่าบ้างพรึบไปตลอด ๒ เส้นทางดังที่ท่านผู้อ่านคงจะทราบข่าวแล้วว่า ท่านประธานาธิบดีปัจจุบัน โจโก วิโดโด หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “โจโกวี” จะครบเทอมในเดือนตุลาคมปีนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียระบุไว้ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีแต่ละท่านจะอยู่ในตำแหน่งได้สมัยละ ๕ ปี และต่อได้อีกเพียงสมัยเดียวเท่านั้น รวมกันเป็น ๑๐ ปีดังนั้นเมื่อท่านวิโดโดชนะเลือกตั้งและขึ้นดำรงตำแหน่งสมัยแรกในเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ และได้รับเลือกตั้งอีก ๑ สมัย ในปี ๒๕๖๒ จึงจะครบ ๒ สมัย หรือ ๑๐ ปี ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ ตามกติกาจึงต้องมีการเลือกตั้งเพื่อเตรียมหาคนใหม่มาแทนท่านเสียตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นรู้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์น่าจะใกล้กับเดือนตุลาคมนั่นเองเหตุเพราะในรัฐธรรมนูญของอิเหนาระบุว่า ผู้ชนะเลือกตั้งในการเลือกรอบแรก จะต้องได้เสียงเกิน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ หรือกึ่งหนึ่ง จึงจะถือว่าชนะเด็ดขาด และยุติการแข่งขันทันที แต่ถ้าไม่ถึงต้องเลือกอีกรอบณ นาทีนี้ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ ๓ ท่าน ได้แก่ หมายเลข ๑ นาย อานีส บาสเวดัน อดีตผู้ว่าการจาการ์ตา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สมัครคู่กับนาย มูฮับมิน อิสกันดาร์ นักการเมืองเก่าอีกคนหนึ่งที่เสนอตัวมาเป็นรองประธานาธิบดีหมายเลข ๒ ได้แก่ “ป้ะ” ปราโบโว ซูเบียนโต วัย ๗๑ ปี อดีตนายพลจากกองทัพบก ลูกเขยอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต คนดังคนหนึ่งของแดนอิเหนา “ป้ะ” ปราโบโว เอง ยุคเรืองอำนาจก็ได้ชื่อว่าเป็น “จอมอุ้ม” เคยถูกกล่าวหาว่าอุ้มนักการเมืองคู่กรณีหายหน้าหายตาไปบ่อยครั้ง แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ก็เคยถูกสหรัฐอเมริกาเพ่งเล็งและถอนวีซ่าเข้าเมืองมาแล้วป้ะเคยสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมา ๒ หน โดนท่านวิโดโด น็อกไปทั้ง ๒ หน แต่วิโดโดก็ยังเชิญมาร่วมรัฐบาล และให้เป็นถึง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ในตำแหน่งล่าสุดอดีตนายทหารใหญ่ยืนยันว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดีจะดำเนินรอยตามวิโดโดทุกกระเบียดนิ้ว และจะสานต่อทุกๆอภิมหาโครงการที่ วิโดโดเคยริเริ่มไว้ทั้งนี้ จากการสมัครคู่กับนาย กิ้บราน รากาบูมิ่ง ซึ่งขันอาสามาเป็นรองประธานาธิบดี ถือเป็นการให้คำมั่นสัญญา เหตุเพราะหนุ่มกิ้บรานอายุแค่ ๓๖ ปี รายนี้คือลูกชายคนโตของท่านวิโดโดนั่นเองส่วนผู้สมัครหมายเลข ๓ ได้แก่ นาย กันจาร์ ปราโนโว อดีตผู้ว่าการจังหวัดชวากลาง ซึ่งสมัครคู่กับนาย มาห์ฟุด เอ็มดี นักการเมืองเก่าที่ผ่านการเลือกตั้งมาอย่างโชกโชนเช่นกันผลจากการหยั่งเสียงของโพลดังๆของอินโดนีเซียล่าสุดเมื่อปลายๆปีพบว่า “ป้ะ” ปราโบโว อดีตนายพลทหาร ซึ่งจับคู่กับลูกชายของท่านโจโกวี คะแนนนำลิ่วเฉลี่ยประมาณ ๔๖ เปอร์เซ็นต์โดยมีนาย อานีส ได้คะแนนนิยมรองลงไปประมาณ ๒๕-๒๖ เปอร์เซ็นต์และนายกันจาร์ตามมาที่ ๓ ด้วยคะแนน ๒๑ เปอร์เซ็นต์ทำให้คาดหวังกันว่าทหารเก่า ปราโบโว ซูเบียนโต น่าจะได้เป็นประธานาธิบดีในครั้งนี้ แต่ก็อาจต้องเลือกใหม่ในเดือนมิถุนายนอีกครั้ง เพราะไม่น่าจะได้ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ในรอบแรกก็คงต้องลุ้นกันล่ะครับว่าอินโดนีเซียจะมีนายทหารที่ได้ชื่อว่า “สายเหยี่ยว” ในอดีตมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ ๘ หรือไม่? อย่างไร?“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม
Related posts