Thursday, 19 December 2024

ต้านแลนด์บริดจ์ “เศรษฐา” ถก “รักษ์พะโต๊ะ” เสนอภาคปชช.ร่วมศึกษา พร้อมรับฟัง

คณะรัฐมนตรีสัญจรระนองไฟเขียวทุ่มงบฯ ๓๕๐ ล้าน ดัน ๑๓ โครงการพัฒนาพื้นที่ ๖ จังหวัด กลุ่มอันดามัน นายกฯย้ำเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ ควง “ภูมิธรรม” รับหนังสือกลุ่มต่อต้านโครงการแลนด์บริดจ์ โปรยยาหอมรัฐบาลดูแลรับฟังทุกสิทธิทุกเสียง พร้อมไตร่ตรองอย่างดี เครือข่ายรักษ์พะโต๊ะจี้รัฐศึกษาผลกระทบให้รอบคอบ ชงตั้งคณะกรรมการดึงภาคประชาชน คนพื้นที่ร่วมวงแก้ความขัดแย้ง “ไหม” โวย พท.ใครกันแน่เล่นการเมือง วิจารณ์ติติงต้องการค้นหาคำตอบ ไม่ได้จ้องดิสเครดิตรัฐบาล “อ้วน” การันตียังไม่มีปรับ ครม. “พัชรวาท” ยันแข็งแรงดี ไม่มีเปลี่ยนตัว รมต. “ก้าวไกล” มั่นใจอดีต หน.พรรคพ้นบ่วงคดีถือหุ้นสื่อ “พิธา” แต่งตัวรอกลับเข้าร่วมประชุมสภาฯทันที “สว.สมชาย” ฟันธงไม่รอด งัดทุกปมไอทีวียังเป็นสื่อมัดคอรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เดินหน้าผลักดันเมกะโปรเจกต์ก่อสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง โดยนายกฯยืนยันจะดำเนินโครงการ โดยพร้อมรับฟังความเห็นทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและคัดค้านอย่างครบถ้วนทุกมิติtt ttนายกฯถก คณะรัฐมนตรีสัญจร จ.ระนองเมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น.วันที่ ๒๓ มกราคมที่หอประชุมคอซู้เจียง ศูนย์ราชการ จ.ระนอง ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (คณะรัฐมนตรีสัญจร) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ ถือเป็นครั้งที่ ๒ ของรัฐบาล โดยนายกฯและ คณะรัฐมนตรีสวมเสื้อผ้าบาติกลาย “ทรัพย์รักษ์ระนอง” ประจำจังหวัด ผสมผสานเป็นลวดลาย “ดอกรักราชกัญญา” เป็นลายแปดเหลี่ยมลักษณะเหมือน “เก๋งจีน ฝนแปด” แสดงถึงทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของเมืองฝนแปดแดดสี่และลายประลาจีน หนึ่งในรูปแบบลายผ้าอินทนิล สินธุ์แร่นอง สื่อสัญลักษณ์มงคลตัวแทนความราบรื่นหมุนเวียนไม่สิ้นสุด นำพาความเจริญทางการค้าทางทะเล ก่อนการประชุมนายกฯเยี่ยมนิทรรศการโครงการต่างๆและภูมิปัญญาศิลปหัตถกรรมพื้นเมืองทางจังหวัด ชมสินค้าหัตถกรรมจากกลุ่มผู้ประกอบการโอทอประนอง อาทิ ผ้าปาเต๊ะ ปักลาย เต่าเรียกทรัพย์ทำจากกะลามะพร้าว นายกฯเซ็นชื่อไว้ใต้ท้องเต่าเป็นที่ระลึก เซ็นชื่อบนผ้าลายอินทนิล สินธุ์แร่นอง โดยกลุ่มหัตถศิลป์ดิ้นโบราณหรือ “พันดิ้นโบราณ” ติดเข็มกลัด “ปูเจ้าฟ้า” ทำจากการพันดิ้นโบราณมอบให้นายกฯดันก๊กซิมบี้เมนูอาหารต้องชิมทั้งนี้นายกฯได้ชิมก๊กซิมบี้ อาหารถิ่นระนอง นายกฯย้ำว่า รัฐบาลส่งเสริมให้คนไทยได้ตระหนัก ภาคภูมิใจยกระดับอาหารไทยพื้นถิ่น สู่อาหารจานเด็ดที่ต้องชิม ผลักดันให้เป็นเมนูซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมชิมชาดอกกาแฟ ที่ไม่มีคาเฟอีน ช่วยลดคอเลส เทอรอล โดยนายกฯชมหอมดี ทั้งนี้ ก่อนเข้าประชุม คณะรัฐมนตรีผู้สื่อข่าวถามว่าอาการหวัดดีขึ้นหรือยัง นายกฯกล่าวว่า “อาการยังเหมือนเดิม แต่ไม่เป็นอะไรครับ ยังไหวอยู่” จากนั้นถ่ายภาพร่วมกับ ครม. ผู้ว่าฯ จ.ระนอง กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (จ.กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนองและสตูล) จังหวัดได้มอบผ้าพันคอย้อมสีธรรมชาติ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และน้ำพริก ๘ รสชาติให้ ครม. พร้อมจัดเมนูอาหารกลางวัน อาทิ ยำกุ้งเคย น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงส้มปลายอดมะพร้าว ปลาหลุมพุกต้มหวาน กรรเชียงปูผัดผงกะหรี่ ใบเหลียงผัดไข่ ยาวเย (อาหารเพื่อสุขภาพของชาวจีน ซึ่งมีเฉพาะที่ จ.ระนองเท่านั้น) ไอศกรีมกาหยู ไอติม ๓ มิติรสสองแถวไม้ระนอง ชุนเปี๊ยะ น้ำแร่เวลล์เล่ ซึ่งเป็นน้ำแร่จากแหล่งบ้านพรรั้ง จ.ระนองย้ำเดินหน้า “แลนด์บริดจ์”นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ได้ไปดูท่าเรือระนอง-เกาะสอง มีการอนุมัติปรับปรุงท่าเรือท่องเที่ยวและการขนส่งให้ดีขึ้น พัฒนาท่าเรือเป็นวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อให้ค้าขายสะดวกยิ่งขึ้นและยังได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน เร่งรัดพิสูจน์สิทธิ์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ให้คนได้มีสัญชาติ เพื่อรับสิทธิขั้นพื้นฐานทางกฎหมาย นอกจากนี้ได้ไปดูจุดก่อสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ทำให้ จ.ระนอง และ จ.ชุมพรเจริญมากยิ่งขึ้น มีการสร้างงาน สร้างรายได้ พร้อมศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และยังได้รับหนังสือร้องเรียนจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโครงการที่ต้องพูดคุยกันต่อไป และไปดูบ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวารินส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แต่บางเรื่องยังขาดอยู่ เช่น การประชาสัมพันธ์ประโยชน์ของน้ำพุร้อนเคาะ ๑๓ โครงการ ๓๕๐ ล้านฟื้นอันดามันนายเศรษฐากล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการกลุ่ม ๖ จังหวัด (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ๑๓ โครงการมูลค่า ๓๕๐ ล้านบาท คิดเป็นจังหวัดละ ๕๐ ล้านบาท และโครงการตามข้อเสนอของภาคเอกชน ๕ โครงการ มูลค่า ๒๐๒ ล้านบาท โดยใช้งบฯปี ๖๖ งบกลางไปพลางก่อน คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวของไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว มาเลเซีย โดยมีประเทศไทยเป็นผู้นำ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ในที่ประชุม คณะรัฐมนตรีพูดคุยถึง พระราชบัญญัติการประมง ที่จะชี้แจงกับ ๑๔ ชาวประมง โดย คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ แต่ยังต้องผ่านกระบวน การทางกฎหมายเร่งรัดให้เข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าต่อมาเวลา ๑๑.๔๐ น. นายเศรษฐาพร้อมนาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรฯ และนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ ได้ลงมาพบกลุ่มสมาคมชาวประมงในเขตจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จ.ชุมพร ประจวบ คีรีขันธ์ ระนอง และจังหวัดใกล้เคียงรับฟังปัญหา มีการขอให้นายกฯช่วยชาวประมงพื้นบ้าน นายกฯกล่าวว่า เราจะทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ วันนี้รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการเกษตรฯมีส่วนช่วยกัน เพิ่งผ่านไปแค่ ๔ เดือนเราทำได้ ขอขอบคุณทุกคน ไม่ต้องห่วง มีรัฐมนตรีอยู่ดูแล พร้อมชี้ไปที่ ร.อ.ธรรมนัส จากนั้นตัวแทนกลุ่มชาวประมงกล่าวขอบคุณทุกท่านที่เมตตา แล้วมอบกระเช้าผลิตภัณฑ์ประมงและดอกไม้ให้นายกฯtt ttรับหนังสือกลุ่มต้านแลนด์บริดจ์จากนั้นเวลา ๑๒.๑๕ น. นายกฯเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษา จ.ระนอง พบกลุ่มเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะและกลุ่มเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่นกว่า ๑๐๐ คน ที่มาชูป้ายและยื่นหนังสือคัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์ อาทิ มีการบิดเบือนข้อมูลและลิดรอนสิทธิของประชาชน การศึกษาผลกระทบยังไม่เสร็จสิ้น แบบพัฒนาโครงการไม่รอบคอบ กระบวนการให้ข้อมูลไม่รอบด้าน และกระบวนการมีส่วนร่วมไม่ทั่วถึง พร้อมร่วมกันชูธงแสดงสัญลักษณ์ข้อความว่า “หยุดแลนด์บริดจ์” ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจประสานงาน ทันทีที่นายกฯมาถึงแกนนำได้ยื่นหนังสือและกล่าวว่า ทราบดีถึงความ มุ่งมั่น นายกฯบริหารประเทศ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้ดีกว่าในทุกมิติ หลากหลายนโยบายของรัฐบาล พวกเราไม่ได้คัดค้าน พร้อมสนับสนุน แต่โครงการแลนด์บริดจ์ เมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ จึงควรมีคำตอบที่ชัดเจนถึงข้อกังวลหลายมิติเรียกร้องตั้ง คกก.ภาค ปชช.ร่วมด้วยแกนนำเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะฯกล่าวอีกว่าจึงมีข้อแนะนำและเรียกร้องให้รัฐบาลต้องมีกระบวนการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านโดยประชาชนมีส่วนรวม เปิดรับฟังความคิดเห็นต้องไม่ลำเอียง กำหนด เป้าหมายการพัฒนาอย่างชัดเจน บูรณาการกับแผนงานอื่นๆอย่างเป็นรูปธรรมทุกด้าน และให้ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียเข้าถึงข้อมูล โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้โครงการแลนด์บริดจ์เป็นไปอย่างถูกต้อง ต้องสร้างมาตรฐานให้ดีกว่าโครงการอื่นๆที่เคยทำมา ควรผิดแปลกแตกต่างจากรัฐบาลอื่น เพราะรัฐบาลนี้ผ่านการเลือกตั้งมา อยากให้รัฐบาลพัฒนาด้านต่างๆ ควบคู่ไปด้วย การท่องเที่ยว ประมงและการเกษตร และเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วม ประกอบด้วยนักการเมือง ข้าราชการ ท้องถิ่น และภาคประชาชน โดยเฉพาะคนพื้นที่ เป็นกลไกแก้ปัญหาความขัดแย้งยันทุกสิทธิทุกเสียง รบ.ดูแลอย่างดีโดยนายกฯกล่าวว่า ขอสรุปข้อสงสัย ๑.การศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ครอบคลุมหรือเปล่า มีอิสระหรือไม่ ดูแลทุกมิติหรือไม่ อุตสาหกรรมที่จะมาต่อเนื่องในอนาคต ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของภาคประชาคม ประชาชนท้องถิ่นด้วย จะนำไปพิจารณาประกอบการทำเอกสารศึกษา เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ความกระจ่าง วันที่ ๒๓ มกราคมได้พูดคุยการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้นอกเหนือแลนด์บริดจ์ มั่นใจว่ารัฐบาลนี้ทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่ามาตรการส่งเสริมท่องเที่ยว ก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน จ.พังงา สัปดาห์หน้าจะเอา พระราชบัญญัติประมงฉบับใหม่เข้า คณะรัฐมนตรีเพื่อปลดล็อกไอยูยู ให้ชาวประมงกลับมาค้าขายได้อีกครั้ง ขอยืนยันทุกสิทธิทุกเสียง พี่น้องประชาชนจะได้รับการรับฟัง ไตร่ตรองที่ดีจากรัฐบาลนี้“ไหม” ปัดติติงจ้องดิสเครดิตรัฐบาลที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีถูกรัฐมนตรีตอบโต้ว่าอ่านรายงานโครงการแลนด์บริดจ์ผิดฉบับว่า นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม อาจไม่ได้สื่อโดยตรงว่าอ่านผิดฉบับ แต่อาจเป็นเพราะข้อมูลไม่ตรงกัน ตัวรายงานที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือ รายงานสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไม่ใช่รายงานของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานการศึกษาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือรายงานของ กมธ.แลนด์บริดจ์ เพราะรายงานของ สนข.จะเป็นตัวกำหนด เราไม่ได้โจมตีโครงการนี้เพียงเพราะต้องการดิสเครดิตรัฐบาล แค่ต้องการข้อเท็จจริงสมมติฐานต่างๆของโครงการ แต่กลับถูกโจมตีทางการเมือง ไปเล่นว่าตนขาดประชุม กมธ.แลนด์บริดจ์ ๒ ครั้ง รวมทั้งมาสายด้วย ใครกันแน่กำลังเล่นการเมือง หากเขาตอบได้ทุกประเด็นเรามูฟออน ฝากทวงคำถามให้ด้วย โฆษกพรรค พท.ให้มา ๑๘ คำตอบไม่ค่อยตรงที่ถามไป ๗ คำถามสักเท่าไร รอคอยคำตอบอยู่tt ttภูมิธรรม เวชยชัย“ภูมิธรรม” พร้อมตอบปมทักษิณนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ กล่าวถึงกรณี สว.ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๓ ว่า สว.ใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่เราต้องขอมาดูประเด็นที่ติดใจคืออะไร รัฐบาลเพิ่งทำงานเข้าเดือนที่ ๔ กฎหมายไม่เท่าเทียมต้องไปดูว่าอะไรที่ไม่เท่าเทียม คิดว่าคุยได้เพราะญัตติที่เสนอมาเป็นข้อเสนอแนะรัฐบาล ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อถามว่า สว.พาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ๒ มาตรฐาน ต้องขอฟังเขาก่อนและยังไม่เห็นญัตติของ สว.แต่พร้อมตอบทุกเรื่อง เมื่อถามว่า สว.อยากให้เปิดอภิปรายช่วงเดือน กุมภาพันธ์รัฐบาลเห็นด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ที่รายละเอียด ส่งมาให้รัฐสภาเป็นผู้จัดการ ต้องดูว่ามีติดวาระสำคัญอะไรหรือไม่ หากไม่ติดคงจะไม่มีปัญหาย้ำหัวตะปูยังไม่มีปรับ คณะรัฐมนตรีแน่นอนนายภูมิธรรมกล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ไม่มีสัญญาณใดๆ พรรคร่วมฯและทีมงานรัฐบาลทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย วันที่ ๒๕ ม.ค. เชิญหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาลมาทานอาหารประจำเดือนอยู่แล้ว พรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพที่ร้านอาหารย่าน จ.ปทุมธานี ข่าวลือเรื่องปรับ คณะรัฐมนตรีได้ยินมาตั้งแต่ก่อนตั้งรัฐบาลแล้ว ตั้งแล้วก็มีข่าวมาตลอด ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน รัฐบาลนี้เหนียวแน่น แนบแน่นยังทำงานร่วมกันได้เต็มที่ รัฐบาลเพิ่งทำงานได้ ๔ เดือน ต้องให้เวลา งานของแต่ละกระทรวงของ คณะรัฐมนตรีมีเวลาไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า ส่วนเก้าอี้ที่ว่างอยู่หากจะปรับยังไม่กระทบกระเทือนใคร แต่ปรับเข้ามาเสริมหรือไม่ ต้องไปถามนายกฯเอง เมื่อถามว่าล่าสุดเห็นพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันทำงานกับพรรคก้าวไกลแล้ว สมการที่จะดึงพรรค ปชป.เข้ามาร่วมรัฐบาลจะไม่มีแล้วใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่เคยพูดว่าจะดึงหรือไม่ดึงพรรค ปชป.tt ttพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ“พัชรวาท” สยบข่าวลือเปลี่ยน รัฐมนตรีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยระบุว่าไม่รู้ไปฟังมาจากไหน ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อถามว่าจะมีการสับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทระบุว่า ไม่หรอก ไม่มีหรอก ยืนยันว่าตนยังแข็งแรง ก่อนหัวเราะและเดินทางกลับทันทีรบ.โบ้ยไม่เกี่ยว พท.ยื่นแก้ รธน. ม.๒๕๖อีกเรื่อง นายภูมิธรรมในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ ๖๐ กล่าวถึงการที่พรรค พท. เสนอญัตติแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ ขณะที่รัฐบาลเตรียมแก้รัฐธรรมนูญเช่นกันสรุปจะยึดแนวทางใดว่า เป็นเรื่องของพรรค พท.สภาฯต้องไปว่ากันไม่เกี่ยวกัน ผลการศึกษาแนวทางประชามติตั้งอยู่ที่โต๊ะแล้ว จะนำเรื่องเสนอ คณะรัฐมนตรีได้ไม่เกินปลายเดือน ก.พ. เมื่อถามว่าพรรค พท. หวังว่าการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เกิดประเด็นขัดแย้ง เพื่อให้ประธานรัฐสภาเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าทำประชามติกี่ครั้ง เป็นความประสงค์ของรัฐบาลด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่าไม่ได้ตั้งประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง แต่ฝ่ายการเมืองเป็นห่วง รัฐบาลก็ห่วงเช่นกันว่าจะทำประชามติให้ถูกต้องกี่ครั้ง มีหลายคนยืนยันทำแค่ ๒ ครั้งพอ ถ้าได้ ๒ ครั้งจริง ประหยัดเงินไปได้กว่า ๓,๐๐๐ ล้านบาท แต่มีหลักประกันว่าใช้เงินเพิ่มแล้วรัฐธรรมนูญผ่านเรายินดี“สุทิน” ดึงฝ่ายค้านศึกษาทางออกเรือดำน้ำนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมการศึกษาการจัดซื้อเรือดำน้ำ หลังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ส่งคำตอบถึงกองทัพเรือแล้วว่า อสส.ระบุจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ โดยให้ออกเป็นมติ คณะรัฐมนตรีจะใช้เป็นเรือดำน้ำจากประเทศจีน หรือจะใช้เรือยี่ห้ออื่น หรือจะข้ามไปเป็นใช้เรือฟริเกตก็ได้ ทำให้เราพอทราบแนวทางและได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์กับกองทัพ ประเทศและประชาชน วันที่ ๒๔ ม.ค. จะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการ มีกรรมการ ๑๓-๑๕ คนจากหลายฝ่ายมาช่วยกันคิด อาทิ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกลาโหม เป็นประธาน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกฯที่สนใจมานาน ตัวแทนจากสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ อสส. กองทัพเรือ รวมถึงเชิญตัวแทนจากฝ่ายค้านคือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร หรือนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล คนใดคนหนึ่งมาร่วมด้วย เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีเวลาศึกษา ๓๐ วัน ถ้าศึกษาเสร็จใน ๑ เดือน จากนั้นคงไม่นาน ภายใน ๒ เดือนน่าจะเห็นแนวทาง“วิโรจน์” ยักท่าไม่ขอทำลายดุลตรวจสอบที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรค ก.ก.และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาฯ กล่าวถึงกรณี รัฐมนตรีว่าการกลาโหมทาบทามไปนั่งเป็นคณะกรรมการศึกษาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า ต้องอย่าลืมหลักการ ตรวจสอบและถ่วงดุล อำนาจนิติบัญญัติต้องไม่เข้าไปแทรกแซงอำนาจฝ่ายบริหาร ความรับผิดชอบการตัดสินใจยังอยู่ในอำนาจของ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม การเอาความเห็นของฝ่ายนิติบัญญัติไปอ้างอิงในการตัดสินใจของฝ่ายบริหารจะทำลายหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตยทันที เมื่อถามว่าจะไม่เข้าร่วมใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ตอบว่า คิดว่าคงจะมีโอกาสหารือกับนายสุทินในช่วงเดือน ก.พ. วันนี้คงคุยรายละเอียดก่อน แต่เจตนาที่พยายามจะคลี่คลายหาทางออกให้เป็นประโยชน์กับเงินภาษีของประชาชนนั้น เป็นดำริที่ดีอยู่แล้วtt ttพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ก.ก.มั่นใจ “พิธา” พ้นบ่วงคดีหุ้นสื่อเมื่อเวลา ๑๓.๓๐ น. ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีการประชุมพรรคประจำสัปดาห์ทุกวันอังคารเพื่อเตรียมงานประชุมสภาฯในวันพุธและพฤหัสบดี มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก. มาเข้าร่วมประชุมพรรคด้วย โดย สส.พรรค ก.ก.พากันเข้าไปให้กำลังใจนายพิธา โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีถือหุ้นสื่อไอทีวีวันที่ ๒๔ ม.ค. ทั้งนี้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค ก.ก.มั่นใจข้อมูลการต่อสู้คดีว่านายพิธาจะรอดจากคดีหุ้นไอทีวี ได้กลับมาทำหน้าที่ สส.ในสภาฯแน่นอน หากผลวินิจฉัยเป็นไปในทางบวกและศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือเเจ้งไปยังสภาฯทัน ช่วงบ่ายนายพิธาถึงขนาดเตรียมเดินทางจากศาลรัฐธรรมนูญไปเข้าร่วมประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้าที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการของกองทัพ ไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงการถ่ายโอนธุรกิจต่างๆของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล ที่ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. เป็นผู้เสนอทันที“สมชาย” ฟันธงไม่รอดไอทีวีคือสื่อนายสมชาย แสวงการ สว.โพสต์เฟซบุ๊กว่า ทำไมหุ้น ไอทีวียังเป็นหุ้นสื่อมวลชน และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อาจขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ ๑.บริษัท ไอทีวี ยังคงเป็นสื่อ มีสถานะจดแจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเกี่ยวกับสื่อรวม ๕ ข้อ ถึงปัจจุบันไม่มีการจดทะเบียนเลิกบริษัทหรือจดยกเลิกวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับสื่อ สอดรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ๑๔/วินิจฉัยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ในคดีถือหุ้นบริษัทวีลัคมีเดีย ที่ศาลเห็นว่า ยังสามารถประกอบกิจการสื่อมวลชนได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ไม่ได้จดเลิกบริษัท ๒.คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและศาลปกครองกลาง ให้ไอทีวีเป็นผู้ชนะคดี ได้รับ การเยียวยา และคืนสัมปทานคลื่นความถี่โทรทัศน์ ไอทีวีจึงอยู่ในฐานะที่พร้อมประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ได้ ๓.ไอทีวียังมีบริษัทลูกประกอบกิจการสื่อ มีรายรับจากบริษัทอาร์ตแวร์มีเดียถือได้ว่าเป็นธุรกิจสื่อ ๔.ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยในคดีถือหุ้นสื่อ และหุ้นสัมปทานรัฐ วินิจฉัยให้ รมต. สส. สว.พ้นสมาชิกภาพ และเคยวินิจฉัยไว้แม้ถือหุ้นเพียง ๑ หุ้น ขาดคุณสมบัติที่นายพิธาอ้างถือหุ้นไอทีวี ๔๒,๐๐๐ หุ้น จาก ๑,๒๐๖,๖๙๗,๔๐๐ หุ้น ๐.๐๐๓๕% ไม่มีอำนาจสั่งการจึงฟังไม่ขึ้นจี้ราชทัณฑ์ขอศาลสั่งทุเลาโทษ “ทักษิณ”นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรค ปชป. กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการในการทุเลาการบังคับโทษจำคุก กรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาด ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้จำคุก ๘ ปี ต่อมาได้พระราชทานอภัยโทษลดโทษจำคุกเหลือ ๑ ปี และอ้างอาการเจ็บป่วยหลายโรคเข้ารับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยยังไม่เคยถูกต้องขังหรือจำคุกจริงแม้แต่วันเดียวโดยเคร่งครัด โดยยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับโทษให้จำคุกตาม ป.วิอาญามาตรา ๒๔๖ (๒) ศาลอาจมีคำสั่งให้ควบคุม น.ช.ทักษิณในสถานที่อันควรนอกเรือนจำหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุก ดังนั้นขอให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการภายใน ๗ วัน หากเกินเวลาที่กำหนด จะดำเนินคดีต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดtt ttแพทองธาร ชินวัตร“อุ๊งอิ๊งค์” นั่งหัวโต๊ะถก สส.เพิ่มทีมสื่อสารเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุม สส.พรรค พท. มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค และนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พท. เป็นแกนนำ โดยนายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค พท. แถลงผลการประชุมว่า พรรค พท.ได้แต่งตั้งรองโฆษกเพิ่มอีก ๔ คน ได้แก่ น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กรรมการบริหารพรรค และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ สมาชิกพรรค พท. เพื่อทำงานด้านสื่อสารทุกมิติ ก่อนการประชุม สส.พรรค น.ส.แพทองธารเข้าร่วมด้วยและรับฟังปัญหาของประชาชนจากที่ประชุม สส.แต่ละภาค ทั้งหนี้นอกระบบ ยาเสพติด รวมถึงปัญหาต่างๆที่เป็นจุดอ่อน จะได้นำไปปรับปรุงต่อ เพื่อนำไปประสานกับรัฐบาล ไม่ว่านายกฯและรัฐมนตรีของพรรค พท.หรือแม้กระทั่ง คณะรัฐมนตรีพรรคร่วมฯเราพยายามเชื่อมพรรค สภาฯและทำเนียบรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกันพปชร.สัญจรนัด ๒ ลุยหนองคายเมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นประธานการประชุมพรรค เตรียมพร้อมจัดกิจกรรมสัญจรครั้งที่ ๒ / ๒๕๖๗ วันที่ ๓ มี.ค. ที่ จ.หนองคาย เพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายพรรคที่ขับเคลื่อนสำเร็จ ทั้งการบริหารจัดการน้ำ การจัดสรรที่ทำกิน รวมถึงการแปลงเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.๔-๐๑ เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร รวมถึง พล.อ.ประวิตรจะไปพบปะประชาชนที่ตลาดการค้าชายแดนท่าเสด็จ รับฟังความคิดเห็นประชาชน ในโอกาสเฉลิมฉลองสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ที่เปิดใช้มา ๓๐ ปี เชื่อมโยงการค้า เศรษฐกิจ และสังคมของทั้ง ๒ ประเทศ พล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณ สส.ทุกคนที่ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและผลักดันจนร่าง พระราชบัญญัติอากาศสะอาด ผ่านที่ประชุมสภาฯ หลังการประชุม พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีใจว่า ได้หารือถึงนโยบายเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชน กำลังให้คณะทำงานหารือกำหนดรายละเอียดการลงพื้นที่ จ.หนองคายอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่