Sunday, 22 September 2024

ศรีสุวรรณ จี้ กกต. เร่งนำคำวินิจฉัยศาลปม ศักดิ์สยาม มาไต่สวน ต้องยุบพรรคหรือไม่

“ศรีสุวรรณ” ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่น กกต. เร่งนำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ซุกหุ้น มาพิจารณาว่าต้องยุบพรรคภูมิใจไทยหรือไม่วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๗ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางมายื่นคำร้องที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้เร่งตรวจสอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๗ มาไต่สวนว่าการรับเงินบริจาคจากบริษัทที่เป็นนอมินีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา ๗๒ ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือไม่ทั้งนี้ สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติ ๗ ต่อ ๑ วินิจฉัยให้นายศักดิ์สยาม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเนื่องจากซุกหุ้น หรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๗ ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๔ (๑) ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๕) แล้วนั้นแต่เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๑ วรรคสี่ ประกอบมาตรา ๕ ซึ่งในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ช่วงเวลาภายหลังนายศักดิ์สยาม โอนหุ้น ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ให้นายศุภวัฒน์ ถือครองแทนนั้น หจก.ดังกล่าวมีการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้กับพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคหลายต่อหลายครั้งโดยในยุคที่นายศักดิ์สยาม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อยู่นั้น หจก.บุรีเจริญฯ ก็รับประมูลงานของกระทรวงระหว่างปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ รวม ๑๐๔ โครงการมูลค่า ๑,๕๖๘ ล้านบาท จะถือเป็นการได้ประโยชน์จากการก่อสร้าง หรือประมูลงานจากรัฐ ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาดังกล่าว อาจถือได้ว่าต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตรา ๑๘๔ และมาตรา ๑๘๕ และหรือมาตรา ๑๘๖ อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อาจเข้าข่ายต้องห้ามตามมาตรา ๖๖ วรรคสอง รวมทั้งฝ่าฝืนมาตรา ๗๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ากรณีดังกล่าวจะถือว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นายศรีสุวรรณ ระบุในช่วงท้ายว่า กรณีดังกล่าวจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต. ที่จะต้องเร่งดำเนินการไต่สวนหรือสอบสวนให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และหากวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งลงโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา ๑๐ ปี และเป็นเหตุให้พรรคดังกล่าวถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคได้ ตามมาตรา ๙๒(๓) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐