Tuesday, 19 November 2024

ส่อวุ่น "สิงโตนั่งเบนท์ลีย์" ชมวิวพัทยา กรมอุทยานฯ เตรียมยื่นเรื่องเอาผิด

“กรมอุทยานฯ” เตรียมยื่นเรื่องเอาผิด “สิงโตนั่งเบนท์ลีย์” ชมเมืองพัทยา พร้อมเตรียมตรวจสอบใบอนุญาต-พื้นที่เลี้ยง-รวมทั้งการอนุญาตเคลื่อนย้ายมายังเมืองพัทยา หากพบไม่ถูกต้องถือว่ากระทำผิดกฎหมาย ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ต้องโดนปรับ ๕ หมื่นบาท-จำคุก ๖ เดือน-หรือทั้งจำทั้งปรับ จากกรณีชาวต่างชาติพาลูกสิงโตนั่งรถเบนท์ลีย์เปิดประทุน แล้วขับตระเวนในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แล้วมีคนถ่ายคลิปนำไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ จนเป็นกระแสฮือฮา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นล่าสุด เมื่อเวลา ๑๗.๐๐ น. วันที่ ๒๔ ม.ค. ๖๗ ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา, ตำรวจป่าไม้, ตำรวจ ตม.ชลบุรี, ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา, เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๒ (ศรีราชา) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกันเข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง หมู่ ๑๒ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านที่มีการเลี้ยงสิงโต แล้วพาขึ้นรถเบนท์ลีย์ แล้วขับตระเวนชมวิวในพื้นเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรีซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่มีการสนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบมาแล้ว ๑ ครั้ง โดยพบสิงโตเพศเมีย (ตามที่ปรากฏในโลกโซเชียล) ขังอยู่ในกรง แต่เจ้าของไม่ออกมาแสดงตัว โดยมีการมอบหมายให้ทนายความออกมาให้ข้อมูลเบื้องต้น ก่อนจะพาตำรวจ และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งเจ้าของสิงโตรายนี้มีการนัดหมายเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ข้อมูลชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งสำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบข้อมูลสิงโตตัวนี้ มีการแจ้งครอบครองสัตว์ป่าควบคุมประเภท ก (สิงโต) ไว้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๓ (บ้านโป่ง) จ.ราชบุรี ปัจจุบันมีอายุประมาณ ๙ เดือน เป็นสิงโตเพศเมีย หมายเลขไมโครชิพรหัสประจำตัว ๙๐๐๒๑๙๐๐๑๘๗๘๕๖๒ น้ำหนักประมาณ ๓๐ กิโลกรัม ชื่อผู้ครอบครองคือ น.ส.ปูเป้ (นามสมมติ) และอยู่ในระหว่างแจ้งขออนุญาตนำมาครอบครองที่บ้านหลังดังกล่าวส่วนชาวต่างชาติผิวสีที่ปรากฏในคลิปพาสิงโตนั่งรถเบนท์ลีย์ มูลค่ากว่า ๒๐ ล้านบาท ตระเวนชมวิวไปรอบๆ เมืองพัทยา เบื้องต้นพบว่าเป็นนักธุรกิจชาวศรีลังกา อายุ ๕๓ ปี ปัจจุบันเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๒ ม.ค. ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ส่วนในเรื่องของการนำสิงโตขึ้นรถหรูไปเที่ยวตระเวนนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสิงโตตัวนี้ในด้านไหน ทำไมถึงนำสิงโตออกไปตระเวนในเมืองแบบนั้น ซึ่งเข้าข่ายความผิดในเรื่อง พระราชบัญญัติเคลื่อนย้ายสัตว์ดุร้าย โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบtt ttนายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๒ (ศรีราชา) เปิดเผยว่า สำหรับการเลี้ยงสิงโตเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นสัตว์ป่าควบคุมในประเภท ก (สิงโต) แต่ต้องมีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ส่วนกรณีที่เป็นปัญหาที่มีการนำขึ้นรถเปิดประทุนพาชมวิวทั่วเมืองพัทยานั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และถือเป็นความผิดเพราะสิงโตเป็นสัตว์อันตราย ที่ต้องมีการควบคุม มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ที่ใกล้ชิดได้ อีกประการหนึ่งคือเรื่องของใบอนุญาตตรงนี้ กำลังรอตรวจสอบว่าเลขที่ไมโครชิพของสิงโตตัวนี้ตรงกับที่ขออนุญาตไว้หรือไม่ ถ้าตรงกันก็ถือว่าถูกต้อง ส่วนผู้ครอบครองตอนนี้ทราบแล้วว่าเป็นใครก็อยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา แต่การเคลื่อนย้ายสิงโตมาที่เมืองพัทยา ตรงนี้ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าทางกรมอุทยานฯ ได้มาตรวจสอบพื้นที่เลี้ยงว่ามีความเหมาะสมหรือยัง และได้อนุญาตให้ทำการเคลื่อนย้ายมาเลี้ยงได้ที่เมืองพัทยาหรือยัง ถ้ายังก็ถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายตาม พระราชบัญญัติป่าไม้และอุทยานฯ ซึ่งมีโทษปรับ ๕๐,๐๐๐ บาทจำคุกหกเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่พาตระเวนเที่ยวทั่วเมืองนั้น ขณะนี้เดินทางไปต่างประเทศ ขณะที่เจ้าของชื่อที่ระบุไว้ก็ยังไม่ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ซึ่งก็ต้องรอการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไปสำหรับข้อมูล “สิงโต” เป็นสัตว์ที่เลี้ยง หรือครอบครองได้ แต่ต้องมีใบอนุญาตจากคนขายทุกครั้ง ส่วนรายละเอียดการเลี้ยงอยู่ภายใต้เงื่อนไขห้ามก่อความเดือดร้อนต่อผู้อยู่อาศัย หรือส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียง ซึ่งพื้นที่ใช้เลี้ยงสิงโตต้องมีบริเวณกว้างขวาง กรงอยู่ในพื้นที่ ๔ คูณ ๔ เมตร.