ความจริงในอดีตย่อมเป็น ความจริงในปัจจุบันเพราะความจริงย่อมเป็นความจริงตลอดไปวันนี้ (๒๔ ม.ค.) จะเป็น “วันพิสูจน์ความจริง” ในศาลรัฐธรรมนูญเพราะวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชะตานายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ และอดีต หน. พรรคก้าวไกล ที่ถูก กกต.ยื่นคำร้องให้หลุดจากตำแหน่ง สส.เนื่องจากถือหุ้นสื่อไอทีวีโดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “นายพิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ปี ๒๕๖๖ทำให้นายพิธาต้องร่อนเร่พเนจรเป็น สส.นอกสภาฯมาแล้วกว่า ๖ เดือน!!“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวันนี้…มีโอกาสออกได้ ๒ ประตูประตูที่หนึ่ง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ไอทีวี (แม้จอดำไปแล้ว ๑๖ ปี) ยังมีสถานะเป็นสื่อโทรทัศน์อย่างเดิมถ้าหวยออกประตูนี้ “นายพิธา” ต้องสิ้นสภาพ สส.ทันทีแสดงว่าผีตายซากไอทีวีมันเฮี้ยนน่าดูชมประตูที่สอง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ไอทีวีไม่มีสถานะเป็นสื่อมาตั้งนมนานกาเลถ้าหวยออกประตูนี้ “นายพิธา” จะได้คืนความเป็น สส.และได้กลับเข้า ไปทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรเต็มตัวหลังต้องผลุบๆโผล่ๆมาครึ่งปี“แม่ลูกจันทร์” เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะเมตตา ปล่อยให้ “นายพิธา” กลับเข้าสภาฯตามเดิมเพราะการปลุกผีไอทีวีเพื่อกำจัดนายพิธาให้หลุดวงโคจรมันฝืนความจริงมากเกินไปเนื่องจากไอทีวีถูกรัฐบาลยกเลิกใบอนุญาตสถานีทีวี ถูกยึดคลื่นความถี่แพร่ภาพทีวี และบริษัทไอทีวีถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์มาแล้วกว่า ๑๖ ปีเมื่อไม่มีใบอนุญาตแพร่ภาพ ออกอากาศและคลื่นความถี่ได้ถูกโอนให้เป็นของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสในปัจจุบันไอทีวีย่อมไม่เหลือสภาพสื่ออีกต่อไป!!ยิ่งกว่านั้นไอทีวีไม่มีที่ตั้งสถานีทีวี ไม่มีอุปกรณ์ออกอากาศทีวี และไม่มีพนักงานไอทีวีการจะตีความว่าไอทีวียังมีสถานะเป็นสื่อ จึงฟังไม่ขึ้นด้วยประการฉะนี้แล“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาว่าไอทีวีไม่มีสถานะเป็นสื่อ ไม่มีหลักฐานการดำเนินธุรกิจสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่านมาคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชี้ชัดว่า ไอทีวีหมดสภาพความเป็นสื่ออย่างสิ้นเชิงและไม่มีโอกาสได้กลับมาเป็นสื่ออีกต่อไป!!ดังนั้น ไม่ว่า “นายพิธา” จะถือหุ้นไอทีวีในฐานะผู้จัดการมรดกตกทอดจากบิดาหรือ นายพิธา จะโอนหุ้นไอทีวีให้น้องชายหรือ นายพิธา จะโอนหุ้นไอทีวีเป็นของตัวเองไม่ว่าจะแบบไหน นายพิธาก็ไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา ๙๘ ของรัฐธรรมนูญสรุป ถ้าวันนี้ผีไอทีวีไม่ฟื้น??พรุ่งนี้ได้เจอนายพิธาที่สภาฯ!!“แม่ลูกจันทร์”คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม
Related posts