สะเทือนใจไปตามๆกัน เหตุการณ์ครูเวรรักษาการณ์โรงเรียนถูกทำร้ายนำมาสู่การเลิกมติ คณะรัฐมนตรีครูเวรรักษาการณ์ ที่มีมาตั้งแต่ ๖ กรกฎาคม๒๕๔๒ กว่า ๒๐ ปีมาแล้ว พร้อมทั้งปรับแก้มาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นขึ้นเทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้า แต่คุณธรรมในจิตใจคนกลับก้าวถอยอะไรไม่ดีก็ต้องเลิก ต้องพัฒนาเปลี่ยนแปลง สิ่งที่คิดว่าดีแล้วเมื่อ ๒๐ ปีก่อน วันนี้อาจไม่ดี เสี่ยงอันตราย ตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ แต่ถ้าผ่านมาครึ่งทางประมาณ ๑๐ ปี อาจพอมองเห็นลางๆดังนั้น มันจึงเป็นอุทาหรณ์ เคสตัวอย่าง ว่าถึงเวลาชำระประวัติศาสตร์ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายโบราณครั้งใหญ่แล้วหรือยังไม่ใช่แค่ด้านสังคม อาชญากรรม แต่เรื่องวัฒนธรรม การเมือง ธุรกิจ ก็มีเสียงเรียกร้องให้แก้ไขมานานแล้ว อาทิ การยกเลิกกฎหมาย ระเบียบที่ไม่จำเป็น เสียเวลา ซ้ำร้ายยังเป็นช่องโหว่ทุจริต ควรเลิกได้แล้วtt ttเศรษฐา ทวีสินจะว่าไปเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันไปทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ข้อถกเถียงระดับชาติประเด็นร้อนล่าสุด “แลนด์บริดจ์” เมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล ที่หันมาเดินหน้าเอาจริงเอาจังแบบกะทันหัน“นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ลงพื้นที่ จ.ระนอง เผชิญหน้าสบตากลุ่มต่อต้านแลนด์บริดจ์ชนิดที่ไม่เคยมีผู้นำคนไหนใจกล้าบ้าบิ่นแบบนี้มาก่อน “นายกฯนิด” โชว์ความแกร่ง จนแม้แต่ฝ่ายต่อต้านคัดค้านหัวชนฝายังประหลาดใจ ท่าทีอ่อนลงไปยอมเปิดใจรับฟังเหตุผลมากขึ้นส่วนกลุ่มที่มองผลได้เสียด้วยเหตุผลอยู่แล้ว เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของนายกฯก็ต้องคิดทบทวนซ้ำอีกกระนั้นจนถึงตอนนี้จุดยืนความคิดคงยังไม่ผิดจากเดิม เพราะยังไม่มีจุดเปลี่ยนกระชากใจแต่ได้เห็นมิติของการต่อสู้ทางความคิดมากขึ้น เหมือนกรณีของครูเวรรักษาการณ์ เอาความเปลี่ยนแปลงของโลก นำเทคโนโลยีเข้ามาคำนวณผลได้เสีย ประเมินอะไรควรพัฒนา อะไรต้องรักษามองในแง่ของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันสร้างรายได้ประเทศกู้วิกฤติเศรษฐกิจ ยังถือเป็นงานยากเรื่องนี้ถ้าเร่งรีบเกินไปก็น่าจะยิ่งยากมากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่เห็นคืออาการร้อนรนของรัฐบาลที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่พรรคเพื่อไทยสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เป้าหมายใหญ่หนึ่งเดียวที่ “นายกฯนิด” มุ่งมั่นตลอดมาคือการเดินหน้าสร้างผลงานเชิงเศรษฐกิจแต่จนถึงตอนนี้ถูกประเมินว่ายังไม่เข้าเป้า หรือแค่เสมอตัว เรื่อยๆมาเรียงๆ เข้าใจได้ว่าติดขัดปัจจัยปัญหาหลายเรื่อง ไม่ว่างบประมาณไม่มี เศรษฐกิจซบเซาเรื้อรัง พลิกฟื้น ต่อยอด ขับเคลื่อนอะไรล้วนยากลำบากแต่สุดท้ายก็ถูกมองเพียงเฉพาะผลลัพธ์เท่านั้นผ่านมา ๓–๔ เดือน พยายามปูพรมลุยแหลกนโยบายเรือธงไม่ว่าดิจิทัลวอลเล็ต แก้หนี้นอกระบบ แลนด์บริดจ์ประเทศไทย แต่ยังไร้รูปธรรม แค่ลงหลักปักเสาเอกยังไม่ได้เศรษฐกิจประเทศต้องกระตุ้น กระแสนิยมพรรคต้องกระเตื้องแต่ยังซึมยาวไม่ต่างกัน หนำซ้ำระหว่างทางยังไม่เห็นแนวโน้มสัญญาณพลิกฟื้นแม้แต่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ จะไล่สเต็ปขึ้นมาไต่เพดาน ๖๐๐ บาทก่อนปี ๒๕๗๐ ยังดูวังเวงห่างไกลความจริงtt ttพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ทำอะไรไปแล้วก็หลายอย่างแต่ปรากฏว่าแต้มไม่ขึ้น แถมยังไหลออกไปค่ายส้มหน้าตาเฉย“นิด้าโพล” สำรวจช่วงปลายปีที่แล้ว คนยังอยากให้ “เดอะทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯมากกว่า “นายกฯเศรษฐา” เสียอีกแถมยังทิ้งห่าง “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปแบบเทียบไม่ติดเช่นเดียวกับคะแนนพรรคก้าวไกลยังเหนือกว่าพรรคเพื่อไทยขาดลอยล่าสุด “พิธา” รอดบ่วงคดีถือหุ้นสื่อ หลังถูกแขวนไว้ตั้งแต่ ๑๙ กรกฎาคม๒๕๖๖ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ สส.ไม่สิ้นสุดลง จึงเป็น สส.ต่อไปได้ จ่อกลับมาลุยงานต่อทันทีไม่รู้ว่าเรื่องนี้คนเพื่อไทยจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ถ้า “พิธา” ไม่ได้ไปต่อ คะแนนสงสารอาจไหลไปเพิ่มแต้มค่ายส้ม แต่เมื่อกลับมาก็เป็นหัวหอกสำคัญแย่งแต้มสุดท้ายก็คือคู่ต่อสู้สำคัญ เป็นเป้าหมายที่ต้องเอาชนะให้ได้อยู่ดีเรื่องนี้แม้พรรคเพื่อไทยจะทำเป็นไม่ยี่หระ ยักไหล่ไม่สนใจ บอกว่าความนิยมใดๆไม่เท่ากับผลงานแต่ตราบใดที่ไม่ปรากฏผลงาน โดนปัดแข้งปัดขา หรือหาช่องเข้าทำไม่ได้หรือแม้แต่แค่ช้าเกินไป ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกันอยู่ดี.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม
Related posts