พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำกระท่อมได้ระบาดมากขึ้นในสถานศึกษา และปัจจุบันยังหาซื้อง่าย จุดจำหน่ายใกล้เคียงสถานศึกษามากขึ้น สิ่งที่น่ากังวลคือเด็กอาจนำมาผสมกับสารเสพติดชนิดอื่น ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและหากใช้ในชีวิตประจำวันเป็นระยะเวลานาน อาจทำลายประสาทจนส่งผลต่อสุขภาพจิตได้ จึงฝากถึงศึกษาธิการภาค (ศธภ.) และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เน้นย้ำสถานศึกษาในพื้นที่ดูแลอย่างเข้มงวด กำหนดระเบียบกฎเกณฑ์เป็นข้อห้ามข้อบังคับได้เลยยิ่งดี ในการห้ามการดื่มน้ำต้มใบกระท่อมในสถานศึกษา รวมทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้เรียนอย่างเร่งด่วนว่าน้ำกระท่อมเป็นสิ่งเสพติดอาจทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้แก่ครูผู้สอน เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้เรียนถึงพิษภัยของกระท่อมไม่ต่างจากสารเสพติดชนิดอื่นที่รุนแรงรมว.กระทรวงศึกษาธิการกล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่น่าห่วงใยไม่แพ้กันคือมีข่าวในกระแสโซเชียลเรื่องครีเอเตอร์นำเด็กสาวอายุ ๑๖ ปี ร่วมประเวณีและกระทำอนาจาร โดยทำการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวแบบไม่ปิดบังใบหน้า แล้วส่งต่อกลุ่มลับในแพลตฟอร์มออนไลน์ X (Twitter) และ OnlyFans เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการขายสื่อลามกเด็ก โดยที่เด็กไม่รู้ว่าคลิปของตนถูกนำเอาไปขายในโลกออนไลน์ อยากฝากถึงครูและผู้ปกครองให้คอยสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน คอยพูดคุยให้คำปรึกษา ที่สำคัญควรสร้างการรับรู้ความเข้าใจแก่ผู้เรียนถึงเรื่องการทำคอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์ เพราะหากทำออกมาได้น่าสนใจก็เกิดรายได้ด้วยเช่นกัน“หากพบการกระทำดังกล่าวแจ้งขอความช่วยเหลือได้ทันทีที่ศูนย์ความปลอดภัย ศธ. (MOE Safety Center) ๔ ช่องทาง ทั้งแอปพลิเคชัน MOE Safety Center, เว็บไซต์ http://www.MOESafetyCenter.com, LINE @MOESafetyCenter และ Call Center ๐-๒๑๒๖-๖๕๖๕” พล.ต.อ.เพิ่มพูนกล่าว.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
Related posts